สถานการณ์ชายแดนในห้วง 1 เดือน กพช.พยายามลอบทำร้ายด้วยทุ่นระเบิด กองทัพภาคที่ 2 ต้องลาดตระเวนอย่างระมัดระวัง ส่งโทรศัพท์มือถือที่ภูมะเขือกว่า 20 เครื่อง ทั้งของคนเป็น-คนตาย ตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์
วันนี้ (29 ส.ค.68) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในห้วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงสถานการณ์ที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้วว่า ในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 ยังต้องเฝ้าระวัง แต่ก็มีความพร้อมในเรื่องของการรักษาอธิปไตยและในเรื่องของกำลังพล ไม่ต่างจากในห้วงที่ผ่านมา แต่ในห้วงนี้ในพื้นที่ที่เราควบคุมแล้ว ก็ยังมีลักษณะของการแอบเข้ามาลอบวางระเบิด แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงแต่ก็ยังพบการใช้อาวุธทำร้ายฝ่ายไทย โดยเฉพาะทุ่นระเบิดจำนวน 3 ครั้ง ซึ่งแนวทางของกองทัพภาคที่ 2 ต้องลาดตระเวนอย่างระมัดระวัง เพราะมีการข่าวมาว่า กัมพูชามีการพยายามลอบมาทำร้ายเราด้วยทุ่นระเบิด ส่วนเรื่องการคุกคามเรื่องของโดรนก็อาจยังมีอยู่ แต่มีความหนาแน่นน้อยลง และเรื่องของการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารก็ยังคงมีอยู่เป็นระยะ ๆ
พลตรีวินธัย ระบุว่า ฝั่งกัมพูชาได้ให้ข้อมูลอ้างว่าเป็นระเบิดตกค้างจากสงคราม แต่มีสิ่งที่ชี้ชัดอยู่ 3 ประการ คือ
1.สงครามในอดีตไม่มีการใช้ทุ่นระเบิดแบบนี้
2.รูปธรรมของตัวทุ่นระเบิดลักษณะยังใหม่ชัดเจน ทั้งผิวมัน ตัวอักษรทุกอย่างยังชัด
3.ในพื้นที่แห่งนั้น มีการกวาดล้างเก็บกู้ไปแล้ว มีรายงานไปแล้วเมื่อปี 2563 ว่าไม่มีทุ่นระเบิดแบบนี้ชนิดนี้
นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์ที่ภูมะเขือมีจำนวนกว่า 20 เครื่อง ทั้งของผู้ที่มีชีวิตอยู่และผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบแบบสมบูรณ์ โดยสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม แต่มีตรวจสอบไปแล้วที่แน่ชัดคือ 1 เครื่อง ที่มีข้อมูลชี้ชัดว่า กัมพูชาใช้ทุ่นระเบิด เพราะโทรศัพท์เครื่องนั้นมีรูปจำนวนมากทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว สิ่งเหล่านี้สามารถนำไปยืนยันกับองค์กรต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะองค์กรต่างประเทศ
สำหรับคำสั่งของแม่ทัพภาคที่ 2 หากพบทุ่นระเบิดให้ยิงโต้ตอบนั้น พลตรี วินธัย ระบุว่า เป็นเรื่องของกฎการใช้กำลังและการปะทะ เพราะตอนนี้ชัดเจนว่ากัมพูชาเข้ามาเพื่อคุกคามชีวิตและทำอันตราย ดังนั้นแนวทางในการป้องกันตัวสามารถทำได้อยู่แล้ว แต่ก็มีโอกาสที่ทางกัมพูชาจะยิงสวนกลับ
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเรายิงบนพื้นที่อธิปไตย จะถือเป็นการละเมิดหรือไม่ พลตรี วินธัย บอกว่า จุดยิงเราก็ค่อนข้างเคร่งครัด แต่เราไม่เคยปิดโอกาสที่จะป้องกันตัวเอง ต้องแยกเป็นคนละส่วน เราถือว่าเราเคร่งครัดและให้ความสำคัญกับมาตรการหยุดยิง เพราะเป็นการดำเนินการโดยรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ แต่ในเรื่องของการป้องกันตัวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเรามีการทำหนังสือประท้วงเรื่องทุ่นระเบิด แต่ก็อย่างที่ทราบว่าเราอาจไม่ได้รับการตอบสนองเท่าไร กระทั่งปัจจุบันถึงแม้จะมีข้อตกลงหยุดยิง แต่ฝ่ายกัมพูชาเองก็ยังไม่ได้ทำสิ่งนั้นอย่างสมบูณณ์