ดร.อนุสรณ์ มองตั้งรัฐบาลช้าสั่นคลอนการลงทุน ชง 7 ข้อก่อนยุบสภา

ดร.อนุสรณ์ มองตั้งรัฐบาลช้าสั่นคลอนการลงทุน ชง 7 ข้อก่อนยุบสภา

View icon 230
วันที่ 1 ก.ย. 2568 | 12.33 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ตั้งรัฐบาลช้า-รัฐบาลใหม่อยู่ไม่นาน สั่นคลอนการลงทุน ดร.อนุสรณ์ ชง 7 มาตรการเร่งด่วน ก่อนยุบสภา เจรจากับรัฐบาลกัมพูชาเพื่อลดความเสี่ยงเกิดการปะทะรอบใหม่

รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผอ.ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) ม.หอการค้าไทย กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลย่อมนำมาสู่ความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจ การชะลอตัวของการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนย่อมเกิดขึ้น การชะลอตัวของการลงทุนจะมากหรือน้อยอยู่ที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้รวดเร็วแค่ไหน และองค์ประกอบของคณะรัฐมนตรีประกอบไปด้วยคนดีมีความรู้ความสามารถหรือไม่ ทั้งนี้ความเชื่อมั่นการลงทุนอาจสั่นคลอนมากขึ้น หากไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยเร็ว

แม้จัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้แล้ว แต่มีการคาดการณ์ว่า รัฐบาลใหม่อาจอยู่ไม่นานยิ่งทำให้การแก้ปัญหาเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างและการปฏิรูปเศรษฐกิจไม่สามารถทำได้ในระยะนี้ รวมทั้งโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่รอกระบวนการตัดสินใจต้องชะลอออกไปก่อน จนกว่าหลังการเลือกตั้งในอีก 4-6 เดือนข้างหน้า ซึ่ง เราหวังว่าจะได้รัฐบาลเสียงข้างมากที่มีเสถียรภาพ 

หากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองยังเป็นไปตามวิถีทางแห่งกฎหมายและครรลองของระบอบประชาธิปไตยตามกลไกรัฐสภา ผลกระทบทางเศรษฐกิจและการลงทุนจะอยู่ในระดับจำกัดและสามารถบริหารจัดการได้ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ที่ระดับ 2% ยังมีความเป็นไปได้ โดยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกอยู่ที่ 3% และคาดว่าเศรษฐกิจครึ่งปีหลังจะชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ทั้งการขยายตัวของภาคส่งออกที่อาจเริ่มติดลบตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป การชะลอตัวของภาคการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกอาจติดลบ โดยการขยายตัวของภาคการลงทุนเป็นบวกในช่วงครึ่งปีแรก การลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 1.4% ภาครัฐขยายตัว 17.5% หากรัฐสภาสามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ในวันที่ 3 กันยายน ตลาดการเงินและตลาดหุ้นไทยน่าจะตอบสนองในทางบวก 

ข้อความตอนหนึ่ง รศ. ดร. อนุสรณ์ เสนอมาตรการเร่งด่วน 7 ข้อต่อรัฐบาลใหม่ให้มีการดำเนินการก่อนคืนอำนาจให้ประชาชน ดังนี้

1 เจรจาหารือกับรัฐบาลกัมพูชาเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดการปะทะตามแนวชายแดนไทยกัมพูชารอบใหม่ เพื่อรักษาชีวิตของประชาชนและทหาร ป้องกันความเสียหายทางเศรษฐกิจและทรัพย์สิน

2 ฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างไทยกัมพูชาให้กลับสู่ภาวะปรกติและเปิดด่านชายแดนเพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจการค้าสามารถดำเนินการได้ตามปกติ

3 เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 โดยเฉพาะงบลงทุนและเร่งรัดการดำเนินการโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับอนุมัติแล้ว

4 สนับสนุนการขับเคลื่อนการลงทุนภาคเอกชนให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

5 ออกมาตรการลดผลกระทบที่เกิดจากกำแพงภาษีและมาตรการกีดกันการค้าจากสหรัฐอเมริกาเพิ่มเติมโดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือ SME และรักษาการจ้างงาน

6 มาตรการดูแลผลกระทบจากความผันผวนของสภาพภูมิอากาศต่อภาคเกษตรกรรมและราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ

7 มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและผ่อนคลายการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น