พรรคประชาชน โต้กระแสข่าว เลือกอนุทิน นั่งนายกฯ เผย วันนี้ยังไม่มีมติพรรค แต่พรุ่งนี้รู้แน่ เพราะจะมีการประชุมกรรมการบริหาร เพื่อตัดสินใจในขั้นสุดท้าย ยัน เพื่อไทย จะยุบสภาฯ ยุบได้เลย เพราะพรรคประชาชน พร้อมเดินหน้าพิจารณา เลือกนายกฯคนใหม่ หากไม่มีการ "ยุบสภาฯ"
2 กันยายน 2568 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน และ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ และประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์หลังจากประชุมพรรค เพื่อหาข้อสรุปในการโหวตนายกรัฐมนตรี คนที่ 32
โดยนายปกรณ์วุฒิ ระบุว่า การประชุมวันนี้ ไม่มีมติ และ 2 วันที่ผ่านมา ได้ฟังความเห็นของ สส.พรรคประชาชน และได้เปิดรับฟังความเห็นของทุกองคาพยพของพรรค ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่พรรค ทีมงานพรรคประจำจังหวัด และเครือข่ายต่างๆทั่วประเทศ และล่าสุด เมื่อวานนี้ ทางพรรคได้ส่งข้อความให้กับสมาชิกพรรคทั่วประเทศราว 100,000 คน เพื่อให้ความเห็นต่อการเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ ณ ตอนนี้ มีสมาชิกจำนวนมาก ที่ให้ความเห็นมาแล้ว อย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้ (3 ก.ย.68) จะมีการประชุมของกรรมการบริหาร ผู้บริหารพรรค เพื่อตัดสินใจในขั้นสุดท้าย ว่าจะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีท่านใด
ส่วนกระแสข่าวที่บอกว่า จะมีการยกมือโหวตให้ แคนดิเดตจากพรรคภูมิใจไทย คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง เพราะวันนี้ไม่มีมติที่ประชุมพรรค "ทุกคนเข้าใจตรงกันแล้วว่า นี่ไม่ใช่การเลือกนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุด แต่เป็นการเลือกนายกรัฐมนตรี ที่นำไปสู่การยุบสภาฯ และการแก้รัฐธรรมนูญ"
ขณะที่ นายพริษฐ์ เผยว่า การตัดสินใจเรื่องนี้ ไม่ได้ยึดจากที่ประชุม สส. เพียงอย่างเดียว วันนี้ที่ประชุม สส.เป็นองคาพยพหนึ่งที่ได้แสดงความเห็นตลอด 2 วัน แล้วก็จะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารพรรคในวันพรุ่งนี้ ( 3 ก.ย.) ที่จะเอาความเห็นจากการประชุมใน 2 วันที่ผ่านมา ประกอบกับเครือข่ายและสมาชิกพรรคทั่วประเทศที่นำเข้ามาตัดสินใจจากทางคณะกรรมการบริหาร ณ เวลานี้ สมาชิกพรรคทั่วประเทศมี 100,000 กว่าคนตอนนี้ตอบเข้ามาแล้ว 20,000 กว่าคน ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่สูงพอสมควร อยากจะให้สมาชิกที่เหลืออีก 80,000 กว่าคน ได้มีโอกาสใช้เวลาให้เต็มที่ในวันนี้ เพื่อแสดงความเห็นเข้ามา ขอเรียนว่าจุดยืนของพรรค เป็นเช่นเดิม เชื่อว่าทางออกที่ดีที่สุดของประเทศ คือ การยุบสภาฯ
จุดยืนของพรรค ยังเป็นเช่นเดิมเราเชื่อว่าทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ คือ การยุบสภาเลือกตั้งใหม่ และการคืนอำนาจให้กับประชาชนโดยเร็ว หากผู้ที่มีอำนาจในการยุบสภาฯ ตอนนี้คือรักษาการนายกฯ ไม่ดำเนินการยุบสภาฯ เราก็จะดำเนินการเลือกนายกฯคนใหม่ เพื่อเข้าไปทำภารกิจในการยุบสภาฯ ย้ำว่า หากไม่ยุบสภาฯ ก็จำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการเลือกนายกฯ คนใหม่ และเราจะใช้เสียง 140 กว่าเสียงของเราดำเนินการ เลือกนายกฯคนใหม่ และนำไปสู่การยุบสภาฯ คืนอำนาจให้ประชาชน
สิ่งที่พูดได้ คือ เราไม่ไว้วางใจทั้งคู่ ดังนั้น ข้อเท็จจริงเดิม ถ้าจะพูดถึงความรู้สึกก็มีกันหมด หลายคนก็มีความรู้สึกกับพรรคเพื่อไทย ตอนฉีก MOU หลายคนก็มีความรู้สึกกับพรรคภูมิใจไทย ตอนที่อภิปราย ตอนเลือกพิธาเป็นนายกฯ แต่เราไม่ได้เอาความรู้สึกมาเป็นตัวตั้ง อดีตเราไม่ลืม แต่ว่าเราไม่เอามาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจ สิ่งที่เราพยายามจะใช้ในการตัดสินใจ คือ การออกแบบกลไกที่รัดกุมที่สุด ที่ทำให้เราในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้านสามารถควบคุมรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ และพยามจะดูทั้งข้อเท็จจริงต่างๆว่าทางเลือกไหน ที่มีมีแนวโน้มที่จะทำให้เราสามารถควบคุม การรักษาสัญญาได้ดีที่สุด
สำคัญสุด คือ เงื่อนไข 3 ข้อ ย้ำว่า ข้อที่ 3 เห็นชัดว่า เราต้องการเข้าไปทำหน้าที่เป็นผู้นำฝ่ายค้าน ไม่ต้องการไปจับมือร่วมรัฐบาลกับใคร เราเพียงแค่ต้องการจะวางกระบวนการ หากรักษาการนายกฯ ไม่ยุบสภาฯ เราก็ต้องเลือกคนที่เรามั่นใจว่าจะเข้าไปยุบสภาฯ ตามสามเงื่อนไข 3 เงื่อนไข เป็นหลักยึดว่าแนวทางไหน พรรคประชาชน ไม่ได้คำนึงถึงตัวคุณสมบัติ หรือ แคนดิเดตนายกฯ เพราะไม่ได้เป็นสาระสำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราคิดว่าเป็นสาระสำคัญที่สุดสำหรับประเทศ การมีรัฐบาลที่มีรัฐบาลใหม่ที่ประชาชนเลือกเข้ามาโดยเร็ว
"ไม่ว่าคณะกรรมการบริหารพรรรค จะตัดสินใจในวันพรุ่งนี้ ก็จะมีคำอธิบายต่อประชาชนอยู่แล้ว"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมพรรคประชาชนถึงไม่เป็นรัฐบาล? นายพริษฐ์ ระบุว่า ขอย้ำจุดยืนเดิม 2 เหตุผล คือ 1.ตนเองและพรรคประชาชนให้ความสำคัญกับคำพูด พูดมาหลายครั้งแล้วว่า เราจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านในรัฐบาลชุดนี้จนกว่าจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ ตนเองคิดว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่นักการเมืองคนไหน หรือพรรคการเมืองไหนผิดคำพูดกับประชาชน ทำให้คำพูดของนักการเมืองคนนั้น และพรรคการเมืองนั้น ไม่มีความน่าเชื่อถืออีกต่อไป ตนเองไม่ต้องการให้พวกเราพรรคประชาชน เป็นพรรคที่ไม่มีความน่าเชื่อถือในสายตาประชาชน 2.กลับมาสู่เงื่อนไขข้อที่ 3 ของเรา เราต้องการคงสถานะความเป็นฝ่ายค้าน เพื่อที่จะสามารถควบคุมรัฐบาลเสียงข้างน้อยรักษาสัญญาได้ ผ่านกลไกการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการเบี้ยวสัญญาที่มีการดำเนินการใช้อำนาจ โดยไม่ชอบ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม หากเราเอาตัวเองไปร่วมรัฐบาล ก็จะกลายเป็นว่า เราจะไม่มีสถานะในการ เป็นฝ่ายค้านที่ล้มรัฐบาลนั้นได้ และเชื่อว่ารัฐบาลที่จะตอบโจทย์ประเทศ ไม่ได้เกิดขึ้นจากสิ่งนี้ รัฐบาลที่จะตอบโจทย์คือรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นหลังจากการเลือกตั้งครั้งถัดไป
นายปกรณ์วุฒิ ระบุต่อว่า "การที่คนในพรรคมีความคิดเห้นที่แตกต่างกัน แบ่งเป็นสองฝั่ง กลายเป็นวัฒนธรรมของพรรคประชาชนไปแล้ว แต่อีกวัฒนธรรมหนึ่งที่ชัดเจนเช่นกัน คือ แม้เสียงในพรรคจะถกเถียงกันขนาดไหน ถ้าครั้งไหนใช้มติของพรรคทุกคนเคารพมติของพรรค ถ้าครั้งไหนที่ใช้การตัดสินใจของกรรมการบริหาร ทุกคนเคารพการตัดสินใจของคณะกรรมการบริหาร"