กองทัพพาคณะ IOT ดูกับตา ที่พักพิงของเขมร สมัยหนีภัยสงครามนานกว่า 10 ปี ปัจจุบันพัฒนาเป็นพิพิธภัณฑ์ศูนย์ราชการุณ เขาล้าน โฆษก ศบ.ทก. ชี้คณะ IOT ไม่ตัดสินใครผิดถูก แต่จะทำรายงานเสนอรายงานต่อ ผบ.ทสส.- รมว.กห. 2 ประเทศ
วันนี้ (3 ก.ย.68) พล.ร.ต. สุรสันต์ คงสิริ โฆษก ศบ.ทก.เปิดเผยว่า สถานการณ์พื้นที่ชายแดนโดยภาพรวมยังคงมีการตรึงกำลังและเฝ้าระวังทั้งสองฝ่าย แต่สถานการณ์โดยทั่วไปยังอยู่ในภาวะสงบยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในห้วงเวลาที่ผ่านมา ส่วนผลการดำเนินงานของคณะผู้สังเกตการณ์ หรือ IOT ซึ่งได้ลงพื้นที่ เมื่อวานนี้ (2 ก.ย.) การดำเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยกองบัญชาการกองทัพไทยที่นำคณะไปยังพื้นที่หน่วยบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด
จากนั้นได้เดินทางไปจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก เพื่อสำรวจหลักเขตที่ 73 ซึ่งถือเป็นหลักเขตสุดท้ายทางบกในการปักปันเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งตั้งอยู่บ้านหาดเล็ก จังหวัดตราด ก่อนที่คณะได้เดินทางไปยังกองร้อยทหารพรานที่ 537 รับทราบการปฎิบัติงานและเก็บกู้ทุ่นวัตถุระเบิด ของกองทัพเรือ ซึ่งมีภูมิประเทศเป็นเทือกเขา เหมาะกับการเข้าถึงและมีการเผชิญหน้า และฝ่ายกัมพูชามีกำลังติดอาวุธ แสดงถึงความท้าทายและความยากลำบากในการปฏิบัติงานดังกล่าว
นอกจากนี้ คณะยังได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศูนย์ราชการุณ เขาล้าน ซึ่งเดิมเป็นสถานที่พักพิงชาวกัมพูชา ที่อพยพหนีสงคราม ในช่วงพ.ศ. 2521 ถึง 2532 ซึ่งอยู่ในความดูแลของสมเด็จพระพันปี ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สภากาชาดไทย ช่วยเหลือผู้อพยพชาวกัมพูชา ต่อมาศูนย์นี้ได้พัฒนาเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ในพระมหากรุณาธิคุณ และเดินทางไปรับฟังบรรยายสรุปจากกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด กองทัพเรือภาคที่ 1 ซึ่งก็รับทราบสถานการณ์อย่างครบถ้วน และสร้างความมั่นใจว่าการปฎิบัติงานของฝ่ายไทยเป็นไปตามมติการหยุดยิง ถูกต้อง โปร่งใส ยุติธรรม
พล.ร.ต. สุรสันต์ ระบุอีกว่า ขั้นตอนการรายงานทุกฉบับที่เกี่ยวข้อง ก็จะถูกจัดส่งไปยังคณะผู้สังเกตการณ์ เพื่อเสนอผู้บัญชาการทหารสูงสุดและกระทรวงกลาโหมของทั้ง 2 ประเทศ รับทราบ เพื่อยืนยันความร่วมมือในการรักษาสันติภาพ ผ่านกลไกการประสานงานของกองทัพ โดยคณะผู้สังเกตการณ์ได้ย้ำว่า ไม่มีหน้าที่ตัดสินใจ ว่าฝ่ายใดถูกผิด แต่จะทำหน้าที่สังเกตการณ์เก็บข้อมูล และรายงานอย่างเป็นธรรม