เช้านี้ที่หมอชิต - ตำรวจตามสืบฯ รวบรวมหลักฐานต่าง ๆ กระทั่งสามารถจับกุมบริษัทประกันเถื่อน เปิดรับเคลมรถยนต์มือสอง แต่พอรถที่ซื้อไปพังเสียหาย กลับเคลมเงินประกันไม่ได้สักบาท
ที่เห็นภาพขณะตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ นำหมายศาลตามจับกุมผู้ต้องหา 3 คน ตามหมายจับศาลฯ ในคดีร่วมกันเป็นผู้รับประกันภัยโดยไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัย และนำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ
เส้นคดีนี้ เริ่มช่วงเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายซื้อรถยนต์จากเต็นท์รถมือสอง ย่านบางแค และจังหวัดนนทบุรี ซึ่งมีการเสนอแพ็กเกจที่เรียกว่า "ประกันสุขภาพรถยนต์ และรับประกันคุณภาพรถยนต์มือสอง" ของบริษัทแห่งหนึ่ง เรียกเก็บค่าเบี้ยประกัน 28,000 บาทต่อราย
แต่หลังจากลูกค้าซื้อรถไปใช้ได้ไม่นาน รถมีอาการเครื่องยนต์สะดุด ระบบเกียร์มีปัญหา ระบบหัวฉีดขัดข้อง จึงนำรถยนต์ไปซ่อมที่อู่ในเครือ บริษัทกลับไม่รับเคลม อ้างว่าราคาสูงเกินมาตรฐาน และอยู่นอกเงื่อนไขความคุ้มครอง ทำให้กลุ่มผู้เสียหายเข้าร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับ และส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ต่อมาประสานข้อมูลมายังตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ นำไปสู่การสืบสวนเชิงลึก พบบริษัทแห่งนี้จดทะเบียนจัดตั้ง เมื่อปี 2565
ปรากฏชื่อกลุ่มผู้ต้อหา 3 คน เป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท เสนอขายแพ็กเกจ "ประกันสุขภาพรถยนต์ และรับประกันคุณภาพรถยนต์มือสอง" ผ่านทางเต็นท์รถมือสองต่าง ๆ กว่า 20 เต็นท์ อ้างว่ามีอู่ซ่อมในเครือข่ายกว่า 200 แห่ง เรียกเก็บเบี้ยประกันตั้งแต่ 9,000-100,000 บาท ให้ความคุ้มครองสูงสุด 300,000 บาท เป็นการกระทำเข่าข่ายเรียกเก็บผลตอบแทน ซึ่งตามกฎหมายต้องได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่บริษัทแห่งนี้ ไม่มีใบอนุญาตฯ
ขณะเดียวกันยังพบเงินหมุนเวียน ที่น่าเชื่อว่ามาจากการการเรียกเก็บเบี้ยประกันจากผู้เอาประกัน 259 ราย และกลุ่มเต็นท์รถคู่สัญญา จำนวน 52 ราย รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท โอนเงินต่อไปยังบัญชีธนาคารส่วนตัวของกรรมการ 3 คน นำไปใช้ส่วนตัว โดยไม่มีการจัดการกองทุนความเสี่ยง หรือกันเงินสำรองค่าสินไหมตามหลักการดำเนินธุรกิจประกันภัย