5 ก.ย. 68 เมื่อเวลา 17.00 น. ร.ต.อ.เปล่ง พานแก้ว รองสว.สอบสวน สภ. พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งมีเหตุทะเลาะวิวาทใช้อาวุธมีด ไล่แทงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน เหตุเกิด บริเวณฝั่งตรงข้าม วัดพระญาติการาม หรือ วัดพระญาติ ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สมาคมอยุธยารวมใจ หน่วยกู้ภัยอยุธยา
ที่เกิดเหตุพบผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นเยาวชนชาย 2 คน อายุ 16-17 ปี โดยเยาวชนชายอายุ 17 ปี ถูกมีดปลายแหลมแทงเข้าที่ด้านหลัง สีข้าง บาดแผลเปิดกว้าง เจ้าหน้าที่ หน่วยกู้ภัยจึงได้ช่วยกัน ปฐมพยาบาลห้ามเลือดก่อนจะใช้ผ้าพันรอบเอว เพื่อหยุดเลือด ไม่ให้ออก ส่วนผู้บาดเจ็บอายุ 16 ปี มีบาดแผลบริเวณใบหน้า จากการถูกชกต่อย และมีแผลถลอกตามร่างกาย จากรถจักรยานยนต์ล้ม เจ้าหน้าที่กู้ภัยอยุธยา จึงนำตัวผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย ส่ง รพ.พระนครศรีอยุธยา และบริเวณที่เกิดเหตุยังพบรถจักรยานยนต์ของผู้รับบาดเจ็บล้มอยู่ และยังพบของกลาง เป็นมีดปลายแหลมเปื้อนเลือดตกอยู่บนถนน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถาม เยาวชนอายุ 16 ปี ให้การกับพนักงานสอบสวนว่า ตนเองและผู้บาดเจ็บอีก 1 คน ขี่รถจักรยานยนต์ซ้อน 2 มาด้วยกัน พอถึงบริเวณ จุดเกิดเหตุ ได้มีกลุ่มนักเรียนที่ตนเองไม่รู้จัก ประมาณ 5-6 คน ขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามมา แล้วใช้เท้าถีบรถจักรยานยนต์ของตนเองจนล้ม แล้วลงมารุมทำร้าย ชกต่อย ก่อนที่หนึ่งในผู้ก่อเหตุจะใช้มีดปลายแหลมแทงเพื่อนตนเองที่มาด้วยกัน เข้าที่ หลัง 1 แผล แล้วจะเข้ามาทำร้ายตนซ้ำ จนมีชาวบ้าน เข้ามาห้ามและช่วยเหลือ
ทางด้าน พลเมืองดี เล่าว่า ตนเองเห็นเหตุการณ์พอดี จึงวิ่งข้ามถนนจะเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ 2 คน ที่ถูกรุมทำร้าย ตอนนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจะถ่ายไว้เป็นหลักฐาน แต่ถูกกลุ่มนักเรียน ประมาณ 5-6 คน ชี้หน้าบอกว่าอย่ายุ่ง และยังเห็น 1 ใน ผู้ก่อเหตุ ใช้มีดแทงเยาวชน ที่นอนล้มอยู่ที่พื้นเข้าไป 1 ที ตนเห็นท่าไม่ดี จึงได้เข้าไปห้าม และไล่กลุ่มผู้ก่อเหตุ และยังมีชาวบ้านที่เข้ามาช่วยห้าม ทางกลุ่มผู้ก่อเหตุ จึงแยกย้าย ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป พอตนมาเปิดโทรศัพท์ดูว่าจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐาน แต่ก็ลืมกดบันทึกเอาไว้
ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวน ได้ให้ชุดสืบสวน ตามตรวจสอบกล้องวงจรปิด และสอบถามพยานที่เหตุการณ์ เพื่อติดตามตัวนักเรียนที่มาก่อเหตุ ก่อนที่จะเดินทางไปสอบปากคำผู้บาดเจ็บ ทั้ง 2 คน ที่ รพ.พระนครศรีอยุธยาต่อไป
