พลเรือเอก พงษ์เทพ หนูเทพ องคมนตรี ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 7 อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช เดิมชื่อว่า "โรงเรียนวัดสระพัง" ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2503 เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 7 เมื่อปี 2507 ปัจจุบัน เปิดสอนระดับชั้นอนุบาล ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 แบบไป-กลับ มีนักเรียน 146 คน บุคลากรทางการศึกษา 15 คน
โรงเรียนฯ เน้นการฝึกให้ผู้เรียนใช้กระบวนการคิดและลงมือทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถและทักษะที่จำเป็นตามหลักสูตรทางการศึกษา รวมถึงการพัฒนาด้านการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน รวมทั้งส่งเสริมอาชีพที่สามารถนำกลับไปพัฒนาและต่อยอดในครัวเรือนของผู้เรียน โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ และสอดคล้องกับวัฒนธรรมของบริบทในพื้นที่
ต่อจากนั้น เดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 19 อำเภอทุ่งสง โรงเรียนราชประชานุเคราะห์แห่งแรก ที่เป็นโรงเรียนประจำ เนื่องจากเดือนพฤศจิกายน 2531 เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ ทำให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก ราษฎรไร้ที่อยู่อาศัยเยาวชนขาดโอกาสในการเข้าถึงทางการศึกษา จึงจัดตั้งโรงเรียนเป็นกรณีพิเศษและเร่งด่วน รับเด็กที่เป็นบุตรหลานของผู้ประสบภัย และที่ขาดโอกาสทางการศึกษาให้เข้าเรียน โดยให้พักอาศัย และกินอยู่ประจำที่โรงเรียนฯ ในปี 2533 ตามพระราชประสงค์พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ปัจจุบันเปิดสอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ หลักสูตรทวิศึกษา ร่วมกับวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนครศรีธรรมราช มีนักเรียน 616 คน, บุคลากรทางการศึกษา 87 คน
โรงเรียนฯ มุ่งพัฒนาการเรียนการสอนให้ก้าวทันสถานการณ์ปัจจุบัน ส่งเสริมทักษะด้านต่าง ๆ เพื่อให้มีความสามารถที่หลากหลาย อาทิ ทักษะทางด้านวิชาการตามความถนัดของผู้เรียน, ด้านอาชีพ เน้นที่สนใจ รวมทั้งสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย และประเพณีวัฒนธรรมพื้นถิ่นแดนใต้ อาทิ หัตถกรรมลูกปัดมโนราห์, การเขียนลายเครื่องเบญจรงค์ และการพิมพ์ลายผ้าด้วยธรรมชาติ โอกาสนี้ เชิญกระเป๋านักเรียน, ผ้าห่ม และอุปกรณ์กีฬาพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี มอบแก่นักเรียน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ
ในช่วงบ่ายเดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 6 อำเภอทุ่งสง เดิมชื่อโรงเรียนประชาบาลตำบลกะปาง 1 ก่อตั้งเมื่อปี 2476 บนพื้นที่หมู่ที่ 4 ตำบลกะปาง ต่อมา ได้ย้ายมาเรียน ณ วัดอินทาราม หรือ วัดกะปาง โดยปี 2505 จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับผลกระทบจากเหตุมหาวาตภัย โดยเฉพาะด้านการศึกษาที่มีความสำคัญต่อเด็กและเยาวชน พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างอาคารเรียนแบบสามัญ จำนวน 1 หลัง ขนาด 7 ห้องเรียน และเปลี่ยนชื่อเป็น "โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 6" ปัจจุบันเปิดสอนระดับชั้นอนุบาล1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีนักเรียน 382 คน, ครูและบุคลากรทางการศึกษา 29 คน
โอกาสนี้ เชิญสิ่งของพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ไปมอบแก่นักเรียน พร้อมกันนี้เยี่ยมชมผลงานของนักเรียน ซึ่งโรงเรียนฯ มุ่งพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาของผู้เรียน ให้มีความรู้ความสามารถที่หลากหลาย ภายใต้การนำหลักคุณธรรม จริยธรรม มาปรับใช้ให้แก่ผู้เรียน มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะทางวิชาการและกีฬา เพื่อความเป็นเลิศทางการศึกษา เสริมสร้างศักยภาพรายบุคคล รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้สามารถเชี่ยวชาญ และจัดกระบวนการเรียนรู้ทุกกลุ่มสาระให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน ที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด รวมทั้งมุ่งพัฒนาสมรรถนะเด็กที่บกพร่องทางการเรียนรู้ ให้สามารถดำรงชีวิตในสังคมยุคปัจจุบันได้อย่างปลอดภัย
จากนั้น ไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 5 อำเภอเมืองฯ เดิมชื่อโรงเรียนบ้านหนองนก โดยปี 2505 ประสบวาตภัยจากพายุโซนร้อนแฮเรียต ทำให้อาคารเรียนเสียหายเป็นอย่างมาก ทางราชการจึงได้จัดสรรงบประมาณและพิจารณาให้อยู่ในโครงการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ พร้อมกับจัดสร้างอาคารเรียน ต่อมาปี 2507 เปลี่ยนชื่อเป็น "โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 5" นับเป็น 1 ใน 7 โรงเรียนของจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ภายใต้การดูแลของมูลนิธิฯ ปัจจุบันเปิดสอนระดับชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียน 229 คน, ครูและบุคลากรทางการศึกษา 29 คน
โดยทางโรงเรียนฯ ได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในหลักสูตรการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้เรียนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ และมุ่งพัฒนาทักษะการอ่านออก เขียนได้ ตั้งแต่ระดับอนุบาล ตลอดจน ด้านทักษะอาชีพให้แก่นักเรียนชั้นระดับประถมศึกษา และทักษะทางด้านศิลปะ โดยให้ได้ลงมือปฏิบัติจริง