6 ก.ย. 68 เมื่อเวลา 05.46 น. ที่ผ่านมา พ.ต.ต.(หญิง) สุนันทา รอดเพชร สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองเพชรบุรี รับแจ้งเหตุคนถูกยิงเสียชีวิตที่ร้านค้า ซึ่งอยู่บริเวณใจกลางตลาดเมืองเพชร ถนนสุรินฤาชัย หรือถนน 18 เมตร หน้าโรงภาพยนตร์วิกเพชรบุรีราม่าเก่า
ที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิต อยู่ภายในร้านขายไข่ไก่ จำนวน 2 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 1 คน ซึ่งทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน และเป็นพ่อค้าแม่ค้าขายไข่ไก่ สภาพศพนอนเสียชีวิตอยู่บนพื้นภายในร้าน ทราบชื่อคือ น.ส.ศิวพร อายุ 31 ปี ชาว อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี และ นายกฤษดา อายุ 33 ปี ชาว อ.เมืองเพชรบุรี จ.เพชรบุรี โดยทั้งคู่ถูกอาวุธปืน ยิงเข้าที่ศีรษะ
ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร ซึ่งอยู่บริเวณหน้าประตูทางเข้าาโรงภาพยนตร์ พบศพผู้ก่อเหตุเป็นชาย ใช้อาวุธปืนจ่อยิงที่ศีรษะตัวเอง 1 นัด เพื่อหนีความผิด ทราบชื่อต่อมาคือ ดาบตำรวจสมศักดิ์ เพิ่มทรัพย์ ผบ.หมู่(ป.) สถานีตำรวจภูธรเมืองเพชรบุรี และพบอาวุธปืน ซิกซาวเออร์ p320 อยู่ที่มือขวา 1 กระบอก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ดาบตำรวจ สมศักดิ์ และคู่กรณี เคยมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันเรื่องค้าขายไข่ไก่มาก่อน เป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้ามืดของวันนี้ซึ่งเป็นวันไหว้มีประชาชนพลุกพล่าน เนื่องจากเป็นตลาดสดและผู้คนออกมาจับจ่ายซื้อของกันในวันไหว้สารทจีน
โดยนางตุ๋ย แม่ค้าขายดอกไม้ที่อยู่ร้านติดกันกับร้านขายไข่ที่ถูกยิงเสียชีวิตเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นผู้ก่อเหตุเดินมาไม่พูดไม่จากับใคร ก่อนเดินขึ้นไปแล้วก่อเหตุ โดยตนไม่เห็นตอนที่จ่อยิง แต่ได้ยินเสียงปืน และเห็นว่านายกฤษดา ล้มลงก่อนที่ น.ส.ศิวพร ภรรยาของ นายกฤษดา จะส่งเสียงเรียกถามว่า เป็นอะไร หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุได้ยิงใส่ น.ส.ศิวพร จนล้มลงเสียชีวิตทั้งคู่
ส่วนดาบตำรวจ สมศักดิ์ ภายหลังก่อเหตุแล้ว ได้เดินขึ้นไปอาคารโรงภาพยนตร์เก่า ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 20 เมตร และใช้อาวุธปืนยิงตัวเองตายเพื่อหนีความผิด
ทั้งนี้ ผกก. สภ.เมืองเพชรบุรี กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจ เบื้องต้นทราบข้อมูลมาว่าผู้ก่อเหตุและสามีภรรยาที่เสียชีวิต เป็นคนบ้านเดียวกัน และมีอาชีพขายไข่ไก่เหมือนกัน แต่ก็มีการทะเลาะวิวาทกันอยู่เป็นประจำในเรื่องการขายไข่ตัดราคากัน ส่วนประเด็นอื่นยังไม่ได้รับรายงานเพิ่มเติม
เบื้องต้น สาเหตุน่าจะเกิดจากบาดหมางกันในเรื่องของการขายไข่ตัดราคากัน ซึ่งจะต้องดำเนินการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงกับญาติ ๆ ของทั้งสองฝ่ายเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป