ยึดเนื้อต้องสงสัยกว่า 190 ตัน กลางอยุธยา ปคบ.-ปศุสัตว์ ตรวจยึดเนื้อนำเข้า มูลค่าความเสียหายพุ่งทะลุ 15 ล้าน
วันนี้ ( 6 ก.ย.68 ) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) โดยตำรวจกองกำกับการ 2 ร่วมกับกรมปศุสัตว์ เปิดปฏิบัติการตรวจค้นห้องเย็นในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 3 จุด ตามมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าเนื้อสัตว์ผิดกฎหมาย
หนึ่งในจุดตรวจค้น พบซากเนื้อสัตว์ต้องสงสัยจำนวนมาก ในห้องเย็นแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถแสดงเอกสารแหล่งที่มาได้ โดยรายการซากสัตว์ที่ตรวจยึดได้ มีน้ำหนักรวม 190,478 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ สูงถึง 15,238,400 บาท แบ่งเป็น เนื้อโค จำนวน 3,550 กิโลกรัม, เนื้อกระบือ จำนวน 140 กิโลกรัม และ เครื่องในโค จำนวน 186,788.07 กิโลกรัม
จากน้ำหนักซากสัตว์ที่ตรวจยึดได้ทั้งหมด เจ้าหน้าที่ประเมินว่า หากมีการกระจายเข้าสู่ระบบบริโภค โดยไม่มีการตรวจสอบ อาจก่อให้เกิดผลกระทบวงกว้างทั้งด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะความเสี่ยง ในการแพร่ระบาดของโรคจากสัตว์สู่คน และความเสียหายต่อผู้ประกอบการภายในประเทศที่ดำเนินธุรกิจโดยสุจริต
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ประกอบการรายที่ถูกตรวจสอบดังกล่าว ยังเคยมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายกระทำผิดในลักษณะเดียวกันเมื่อปี 2566 ซึ่งคดีดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน เจ้าหน้าที่จึงมีคำสั่ง อายัดซากสัตว์ทั้งหมดไว้ชั่วคราว และให้เวลาผู้ประกอบการ 15 วัน ในการแสดงหลักฐาน หรือเอกสารชี้แจงแหล่งที่มา หากไม่สามารถชี้แจงได้อย่างชัดเจน จะดำเนินคดีตาม พระราชบัญญัติ โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องทันที
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย ให้ระมัดระวังการซื้อเนื้อสัตว์จากแหล่งที่ไม่ผ่านการรับรอง โดยเฉพาะกรณีที่ขายในราคาต่ำกว่าท้องตลาดมากผิดปกติ เนื่องจากซากสัตว์เหล่านี้ อาจปนเปื้อนเชื้อโรคอันตราย อาทิ โรคลัมปี สกิน, โรคปากและเท้าเปื่อย, หรือโรคจากสารเคมีที่ใช้ในการเก็บรักษา ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของผู้บริโภคทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การนำเข้าสัตว์หรือผลิตภัณฑ์สัตว์โดยไม่ผ่านกระบวนการตรวจสอบ ถือเป็นความผิดร้ายแรง ส่งผลต่อทั้งความปลอดภัยของผู้บริโภคและความมั่นคงด้านอาหารของประเทศ ทุกซากเนื้อที่ผิดกฎหมายไม่เพียงทำลายเศรษฐกิจภายในประเทศแต่ยังอาจทำลายชีวิตผู้บริโภคโดยไม่รู้ตัว