ผู้เสียหายร้องสายไหม ถูกคู่แฝด และเป็นแม่ดารา หลอกลงทุนธุรกิจข้าวกล่อง สูญเงินนับ 10 ล้านบาท ทยอยจ่ายผู้เสียหายเดือนละ 800 หวั่นถูกโกง ไม่ได้เงินคืน
วันเสาร์ที่ 6 ก.ย.68 นางสาวพรลดา อายุ52 ปี และ นางสาวจิลัดดา อายุ 43 ปี ผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ ที่ศูนย์ประสานงาน เพจสายไหมต้องรอด อ้างว่าถูกแม่ของพระเอกหนังวัยรุ่นชื่อดัง หลอกฉ้อโกงเงิน และมีผู้เสียหายอีกหลายคน ที่ถูกพี่น้องคู่แฝดและเป็นแม่ดาราชาย หลอกร่วมลงทุนธุรกิจอาหารกล่อง สูญเงินนับ10 ล้านบาท
โดย นางพรลดา ผู้เสียหาย เล่าว่า รู้จักกับแม่ของดาราตั้งแต่ปี 61 และมีการชักชวนให้ร่วมลงทุนธุรกิจทำอาหารกล่อง ส่งโรงงานในจังหวัดระยอง โดยจะให้ส่วนแบ่งกล่องละ 3 บาท โดยครั้งแรกได้ร่วมลงทุนจำนวน 200,000 บาท จากนั้นก็ได้เดินทางไปดูธุรกิจจริงในโรงงานต่าง ๆ 3โรงงาน ผู้เสียหายจึงได้มีการชักชวนเพื่อนมาร่วมลงทุนอีก กว่า 10 คน ตั้งแต่ปี65 ถึงปัจจุบัน เป็นเงินรวมกว่า 10 ล้านบาท
ช่วงแรกจะได้เงินตอบแทน แต่ระยะหลังไม่ได้จ่ายเงินตอบแทน ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ที่ผ่านมา ได้ถูกบ่ายเบี่ยงจากคู่กรณี จึงเกรงว่าจะไม่ได้รับเงินส่วนที่เหลือ เกรงว่าจะถูกฉ้อโกง และจากการตรวจสอบพบว่า ในอดีตคู่กรณีคู่แฝดทั้งสองคนเคยถูกหมายจับของกองปราบปราม ในฐานความผิดชอบโกงประชาชนแล้ว และเช็คเด้งรวมหลายหมายจับ แต่ปรากฏว่าหมายจับหมดอายุความเหลือเพียงหนึ่งหมายจับ จึงได้ประสานกองปราบเพื่อเข้าจับกุม แต่คู่กรณีได้รับการประกันตัวในชั้นศาล อีกทั้งคู่กรณียังอ้างว่า ไม่ต้องกลัวว่าจะโกง เพราะคู่กรณีมีลูกชายเป็นดารามีชื่อเสียง แต่เนื่องจากช่วงนี้กิจการไม่ดีจึงขอเป็นการผ่อนจ่าย จากเดิมคนละหลายหมื่นบาท ลดเหลือคนละ800 บาท
นอกจากนี้ยังพบว่าพฤติกรรมของคู่แฝดรายนี้ เคยไปฉ้อโกงคนไทยในออสเตรเลีย จำนวนมากก่อนนี้กลับมาประเทศไทย และคู่กรณีใช้ชีวิตหรูในจังหวัดระยอง แต่ล่าสุดได้ประกาศเซ้งกิจการจึงเกรงว่าจะทำให้ไม่ได้รับเงินต้นคืน
ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเชื่อว่าเป็นขบวนการแชร์ลูกโซ่เนื่องจากมีพฤติกรรมชักชวนร่วมลงทุน จากนั้นก็นำผลประโยชน์ ที่ได้รับจากผู้เสียหาย มาทยอยจ่ายให้กับเจ้าของเงินเป็นรายเดือน และบ่ายเบี่ยงหนีหาย ส่วนที่กล่าวอ้างว่าลูกเป็นดารา ยิ่งทำให้เกิดความหลงเชื่อ แต่เรื่องดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวกับลูกชาย แต่เป็นความการกระทำความผิดของคู่กรณีเอง จึงฝากเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอให้ผู้เสียหายทั้งหมดเข้าแจ้งความดำเนินคดีเอาผิด เนื่องจากหากเกิดความหลงเชื่อไปเรื่อย ๆ จะส่งผลให้คดีหมดอายุความไม่สามารถดำเนินการเอาผิดได้