เพื่อไทย พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบเข้มตั้งแต่วินาทีแรก จับตาคดีที่ดินเขากระโดง-ฮั้วเลือก สว.

เพื่อไทย พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบเข้มตั้งแต่วินาทีแรก จับตาคดีที่ดินเขากระโดง-ฮั้วเลือก สว.

View icon 131
วันที่ 7 ก.ย. 2568 | 12.38 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ฝ่ายค้านเข้มแข็ง รองโฆษกเพื่อไทย ยัน พร้อมทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลตั้งแต่วินาทีแรก จับตาทุกฝีก้าว คดีที่ดินเขากระโดง-ฮั้วเลือก สว. เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที หากแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ซัด พรรคประชาชน ไม่ชัดเจน เป็นฝ่ายค้านเต็มตัว หรือฝ่ายค้านครึ่งบกครึ่งน้ำ ทำหน้าที่ประคองรัฐบาล

วันนี้ (7 ก.ย.68) ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ว่า พรรคเพื่อไทยขอแสดงความยินดีกับรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ได้รับการลงมติจากเสียงส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎร แม้วันนี้พรรคเพื่อไทยจะไม่ได้เป็นพรรครัฐบาลแล้ว แต่ขอยืนยันว่า เราจะเดินหน้าทำงานต่อในฐานะพรรคฝ่ายค้านภายใต้หลักการของระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา และเราพร้อมเริ่มงานตั้งแต่วินาทีแรกที่รัฐบาลชุดใหม่เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

น.ส.ขัตติยา กล่าวยืนยันด้วยว่า ประเด็นสำคัญที่รัฐบาลเพื่อไทยดำเนินการอยู่ตลอดจะไม่สูญเปล่าคือ การดำเนินคดีบุกรุกที่ดินเขากระโดง และการตรวจสอบการฮั้วเลือก สว. ซึ่งเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสำคัญและจับตามองว่ามีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองที่ปัจจุบันเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะตรวจสอบ และจับตาทุกฝีก้าวว่ารัฐบาลชุดใหม่นี้จะดำเนินการกับสองเรื่องนี้อย่างไร 

ทั้งนี้ หากเราพบว่ามีความพยายามที่จะแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมโดยการเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือทำให้คดีมีความล่าช้า พรรคเพื่อไทยจะใช้ทุกช่องทางการตรวจสอบที่มีอยู่เพื่อเป็นการหยุดยั้งการกระทำดังกล่าว เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ และธำรงไว้ซึ่งหลักการประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา และหลักนิติรัฐ และหากเมื่อใดก็ตามที่เราเห็นว่ามีความพยายามจะแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมทั้งในกรณีของการรุกที่ดินเขากระโดง และการฮั้วเลือกตั้ง สว. พรรคเพื่อไทย พร้อมเข้าชื่อเพื่อเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีโดยทันที แม้ว่าจะยังไม่ครบกำหนด 4 เดือนตามบันทึกข้อตกลงส้มน้ำเงิน

“ขอบอกว่าความยุติธรรมต้องไม่ถูกซื้อ ความจริงต้องไม่ถูกปกปิด และอำนาจต้องถูกตรวจสอบ แม้รัฐบาลภูมิใจไทยชุดนี้จะมาตามระบบรัฐสภาก็ตามผ่านการตัดสินใจยกมือของพรรคประชาชน แต่ภายใต้เงื่อนไขพิสดารเช่นนี้ ย่อมยากที่จะคาดหวังในการบริหารประเทศภายใต้พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชนในฐานะที่เป็นคะแนนเสียงหลักของการตั้งรัฐบาลชุดนี้ ย่อมไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบทางการเมืองได้“ น.ส.ขัตติยา กล่าว

น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า หลายคนอาจตั้งคำถามว่าการตั้งรัฐบาลชุดนี้แตกต่างอย่างไรกับรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย เมื่อปี 2566 ตนขอเรียนว่า การตั้งรัฐบาลทั้งสองครั้งนั้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะพรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคอันดับสอง เราเคยยกมือสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้เป็นนายกฯ ถึงสองครั้งเต็มๆ และพรรคก้าวไกล ก็ได้ส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล แต่เมื่อไปเจรจาหาคะแนนเสียงเพิ่มเติมจากพรรคอื่น ทุกพรรคกลับปฏิเสธที่จะร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล โดยพรรคแรกที่ปฏิเสธคือพรรคภูมิใจไทย ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงต้องเดินหน้าต่อในการจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกลเข้าร่วม และจัดตั้งรัฐบาลโดยมีนายกฯ ที่มาจากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล โดยแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญกับสิ่งที่พรรคประชาชนได้ทำในวันนี้คือ ยกมือสนับสนุนให้พรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอนุรักษ์นิยมที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา ไม่รวมรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร

น.ส.ขัตติยา กล่าวอีกว่า การตั้งรัฐบาลนี้สำเร็จบทบาทของพรรคประชาชนไม่ได้จบเพียงเท่านี้ ไม่ได้จบเพียงแค่การเลือกนายกฯ แต่ยังต้องทำหน้าที่เป็นองค์ประชุมให้พรรคภูมิใจไทยด้วย ซึ่งถือเป็นสิ่งผิดปกติของการทำหน้าที่พรรคฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แม้ว่านายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน จะประกาศเชิญชวนให้พรรคเพื่อไทย มาทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง แต่ขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย ไม่เคยเป็นฝ่ายค้านที่อ่อนแอ

น.ส.ขัตติยา กล่าวด้วยว่า นับจากวันนี้ ตนอยากให้พรรคประชาชนทบทวนความหมายของการเป็นฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็งอีกครั้งว่า ฝ่ายค้านที่เข้มแข็งนั้นควรทำหน้าที่เป็นผู้ประคองรัฐบาล หรือเป็นผู้คานอำนาจของรัฐบาลกันแน่ เพราะฝ่ายค้านที่แท้จริงไม่ใช่ผู้ประคองรัฐบาล แต่เป็นตัวแทนของประชาชนที่จะต้องทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล

“คำขวัญของพรรคประชาชนคือ พรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค ตนเห็นว่าวันนี้ควรจะมีคำต่อท้ายว่า พรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค อนุรักษ์นิยมใหญ่กว่าใคร เราอยากเห็นพรรคประชาชนที่วันนี้ยังไม่มีความชัดเจนเลยว่าจะเป็นฝ่ายค้านเต็มตัวหรือเป็นฝ่ายค้านครึ่งบกครึ่งน้ำ ซึ่งจะได้ร่วมตรวจสอบรัฐบาลอย่างจริงจังเพื่อสร้างมาตรฐานการเมืองที่โปร่งใส” น.ส.ขัตติยา กล่าว

น.ส.ขัตติยา กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ว่าพรรคประชาชนโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกฯ เพราะเป็นการฝ่าทางตัน และเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา อดีตนายกฯ กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง ขอยืนยันว่า พรรคประชาชนต้องเลิกจินตนาการ และต้องเริ่มสร้างทางตันเทียมมาเป็นข้ออ้าง เพราะสำหรับพรรคเพื่อไทยแล้ว การเลือกพล.อ.ประยุทธ์ ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นองคมนตรีนั้น ไม่เคยมีอยู่ในสมการของพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด และพรรคเพื่อไทย ยืนยันมาตลอดว่า เรายังมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกหนึ่งคนคือนายชัยเกษม นิติสิริ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องมีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คน

น.ส.ขัตติยา กล่าวด้วยว่า แม้ตอนแรกเราจะถูกล้อเลียนว่าเป็นนายกฯ กล่องสุ่ม แต่วันนี้เป็นการพิสูจน์อย่างชัดเจนแล้วว่าการมีรายชื่อสำรองไว้ก็เพื่อเป็นการรองรับกลไกของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 และเพื่อป้องกันไม่ให้มีทางตันเกิดขึ้น ขอย้ำว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังแข็งแรง เราพร้อมทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านอย่างเต็มกำลัง เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและเพื่อพี่น้องประชาชน เราจะไม่ยอมให้กระบวนการประชาธิปไตยถูกบิดเบือน และจะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษามาตรฐานการเมืองที่โปร่งใส

“รัฐบาลอาจเปลี่ยนขั้ว แต่พรรคเพื่อไทยไม่เปลี่ยนหัวใจ เพราะหัวใจของเรายืนอยู่ข้างประชาชนเสมอ” น.ส.ขัตติยา กล่าว