วันนี้ (7 ก.ย. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 68 เวลาประมาณ 19.45 น. เจ้าหน้าที่ศุลกากร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำการจับกุมผู้โดยสารชายสัญชาติเวียดนาม เดินทางจากกรุงลูอันดา สาธารณรัฐแองโกลา มีกำหนดเปลี่ยนเที่ยวบินที่กรุงแอดดิสอาบาบา สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย มายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย เพื่อเดินทางต่อไปยังปลายทางนครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยชายคนดังกล่าว มีลักษณะตรงตามข้อมูลที่ทำการวิเคราะห์ไว้ เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้น พบนอแรด จำนวน 5 ชิ้น น้ำหนักรวม 6.86 กิโลกรัม มูลค่าเบื้องต้นประมาณ 6.9 ล้านบาท ซึ่งกรณี เป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และ พระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558
นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร กล่าวว่า ตามที่ นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร ได้มีนโยบายให้เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อปกป้องสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ของประเทศไทยและของโลก หน่วยงานในสังกัดกรมศุลกากรจึงเฝ้าระวังการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพันธุ์พืชอย่างใกล้ชิด โดย นายวิศณุ วัชราวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ในสังกัดฯดำเนินการตามนโยบายอย่างเคร่งครัด เพื่อสกัดกั้นขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ หรืออนุสัญญาไซเตส (CITES) ผ่านทางท่าอากาศยาน โดยใช้ข้อมูลการข่าวและการวิเคราะห์ข้อมูลผู้โดยสารจากระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า จนสามารถระบุตัวผู้โดยสารที่มีความเสี่ยงในการลักลอบขนส่งนอแรดผ่านประเทศไทย และนำไปสู่การขยายผลตรวจค้น จับกุมได้ในครั้งนี้
โฆษกกรมศุลกากร กล่าวต่ออีกว่า กรมศุลกากรจะทำการร่วมมือและวิเคราะห์ข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อสกัดกั้นขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ หรืออนุสัญญาไซเตส (CITES) ให้เกิดวามมั่นคง
ทางสังคมและสิ่งแวดล้อมต่อไป