ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เจ้าหน้าที่ทหารไปสอบสวน ครอบครัว "นางเขื่อน" ชาวกัมพูชา 7 คน ที่ถูกหาว่าเป็นไส้ศึกแล้ว ส่วนเรื่องคดีอยู่ไทยอย่างผิดกฎหมาย เตรียมส่งฟ้องศาลฯ ผลักดันกลับกัมพูชาวันพรุ่งนี้
ไม่พบครอบครัว "นางเขื่อน" เป็นภัยมั่นคง
เจ้าหน้าที่ทหารจากกองกำลังสุรนารี เข้าไปสอบปากคำ นางเขื่อน และครอบครัวชาวกัมพูชา รวม 7 คน ที่ถูกตำรวจ สภ.ภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีในข้อหาอยู่ไทยเกินกว่ากฎหมายกำหนด และข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้สอบปากคำทั้งหมด ในประเด็นที่ถูกชาวบ้านกล่าวหาว่า ชอบทำตัวเป็น "ไส้ศึก" ช่วงที่มีการยิงปะทะ มักจะนำรูปยุทโธปกรณ์ของทหารไทยไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก แถมยังชอบแชร์ข่าวที่บิดเบือน กล่าวหาว่าทหารไทยวางทุ่นระเบิดแล้วก็เหยียบเองจนบาดเจ็บ จนทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ
ซึ่งจากการสอบปากคำและตรวจสอบมือถือทั้งหมด ไม่พบว่าเข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคง
ขณะที่ สามีของนางเขื่อน ซึ่งเป็นคนไทย ได้นำข้าวปลาอาหารไปเยี่ยม เจ้าตัวบอกเพียงว่า ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย
ตอนนี้นางเขื่อนและลูกสาว ถูกแจ้งข้อหาอยู่ในราชอาณาจักร เกินกว่ากฎหมายกำหนด ใบอนุญาตสิ้นสุด 8 พฤษภาคม 2566
อีก 5 คนที่เหลือ คือ แม่ น้องชาย ลูกชาย ลูกสาว และลูกเขยนางเขื่อน ถูกดำเนินคดีข้อหา หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
โดยวันพรุ่งนี้จะนำตัวไปส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อขอให้ผลักดันทั้งหมดกลับกัมพูชา
ทีมข่าวไปพูดคุยกับเพื่อนบ้านของ นางเขื่อน บอกว่า ส่วนตัวไม่มีปัญหาอะไรกับนางเขื่อน และครอบครัว ติดแค่เรื่องเดียวที่ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจออกมาขับไล่
ส่งชาวกัมพูชา กลับประเทศ 31 คน จ.ตราด
ส่วนที่จังหวัดตราด วันนี้เจ้าหน้าที่ได้ผลักดันชาวกัมพูชา กลับประเทศทั้งหมด 31 คน แบ่งเป็นคนงาน 6 คน ครอบครัวเดียวกัน ลักลอบทำงานในจังหวัดตราดนานนับ 10 ปี แต่ต้องเดินทางกลับ เพราะยายที่อยู่ฝั่งกัมพูชาเสียชีวิต เจ้าตัวบอกว่า ยังมีชาวกัมพูชาที่ทำงานในพื้นที่อยู่อีกจำนวนมาก แต่ไม่อยากกลับบ้าน เพราะกลับไปก็อดอยาก
อีกกลุ่มเป็นแรงงานภาคประมง 25 คน รวมตัวเช่ารถตู้เดินทางมาจากจังหวัดชุมพร หลังออกไปหาปลากลางทะเลนานนับเดือน พอเข้าฝั่งมาก็ต้องการเดินทางกลับบ้าน โดยทั้งหมดไม่มีเอกสารเดินทางใด ๆ
ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ที่จังหวัดตราด มีหลายประเด็นที่จะหารือร่วมกัน ถ้าได้ข้อสรุปเราจะรายงานในทราบ
