กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์คว่ำบาตรเครือข่ายสแกมเมอร์ อาชญากรรมหลอกลวงทางไซเบอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นภัยคุกคามทางการเงินและก่อให้เกิดการค้ามนุษย์
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมา ชาวอเมริกันสูญเสียเงินไปกว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการหลอกลวงที่มีต้นกำเนิดจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ทางการสหรัฐฯ ออกคำสั่งคว่ำบาตรบุคคลและบริษัทรวมเกือบ 20 แห่ง ด้วยการห้ามเข้าสหรัฐฯ และไม่สามารถทำธุรกรรมกับธนาคารของสหรัฐฯ ได้ โดยในเมียนมามีการสั่งคว่ำบาตรต่อ ติน วิน, ซอ มิน มิน อู และบริษัท ชิต ลินน์ เมียง จำกัด ในฐานะผู้กระทำการแทนกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Army) ซึ่งเป็นผู้คุ้มครองเครือข่ายการหลอกลวงขนาดใหญ่
ส่วนในกัมพูชา สหรัฐฯ ได้ด้คว่ำบาตร ตง เล่อเฉิง, ซู อ้ายหมิ่น, เฉิน อาล เล็น และ ซู เลี่ยงเซิง รวมถึงบริษัท 6 แห่งที่เกี่ยวข้อง ในฐานะผู้มีบทบาทในการเปลี่ยนโรงแรม, อาคารสำนักงาน และบ่อนกาสิโน ให้เป็นแหล่งรวมสแกมเมอร์
สำนักข่าว Aljazeera เผยว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมียนมาและกัมพูชากลายเป็นศูนย์กลางของการหลอกลวงทางไซเบอร์ ซึ่งดำเนินการโดยเครือข่ายอาชญากรรมที่มักมีความเชื่อมโยงกับองค์กรอาชญากรรมจีน และหลอกลวงเหยื่อทั่วโลกจนสูญเงินไปปีละหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ
หน่วยงานของสหรัฐฯ ประเมินว่า มีเหยื่อประมาณ 150,000 คน ถูกกักขังอยู่ในแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา ขณะที่รัฐบาลไทยประมาณว่ามี 100,000 คน ที่ถูกกักอยู่ในเมียนมา และที่เมืองชเวโก๊กโกะ ซึ่งตั้งอยู่ติดกับชายแดนไทย
ขอบคุณภาพจาก : Amnesty International
