วันนี้ (10 ก.ย. 68) เหตุประท้วงรุนแรงที่เกิดจากการสั่งห้ามใช้โซเชียลมีเดีย ที่เนปาล ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น แม้นาย เค.พี. ชาร์มา โอลิ นายกรัฐมนตรี จะยกเลิกคำสั่งดังกล่าว และ ประกาศลาออกจากตำแหน่งแล้วก็ตาม
ผู้ประท้วงได้รวมตัวกันหน้าอาคารรัฐสภาและที่อื่นๆ ในกรุงกาฐมาณฑุ โดยเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งเคอร์ฟิวที่ไม่มีกำหนด พวกเขาจุดไฟเผายางรถยนต์บนถนน, ปาหินใส่ตำรวจปราบจลาจล และไล่ตามพวกเขาไปตามถนนแคบๆ
นอกจากนี้ผู้ประท้วง ยังเข้าไปรื้อค้น จุดไฟเผาบ้านของนักการเมือง รัฐมนตรี รวมไปถึง อาคารรัฐสภา บ้านของนายกรัฐมนตรี ก็ถูกจุดไฟเผาเช่นกัน ท่ามกลางกองไฟลุกโชน กลุ่มผู้ประท้วงก็ได้เข้าไปโบกธงในบริเวณอาคารรัฐสภา พร้อมตะโกน "เราชนะแล้ว"
ด้านเการัฟ เนปุเน ชายอายุ 34 ปี หนึ่งในผู้นำการประท้วง กล่าวว่าคนหนุ่มสาวได้รณรงค์ออนไลน์มาเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อแสดงให้เห้นถึงความแตกต่างระหว่างชีวิตของรัฐมนตรีและครอบครัวของพวกเขา กับชีวิตของ ประชาชน คนทั่วไป "คนหนุ่มสาว หรือ Gen Z พยายามต่อต้านการทุจริต แต่รัฐบาลกลับใช้ความรุนแรงเพื่อพยายามปิดปากการเคลื่อนไหว" เนปุนุ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ต้องการรัฐบาลที่ปราศจากการทุจริต และไม่ตกเป็นเครื่องของประเทศเพื่อนบ้าน
การประท้วงที่เกิดขึ้น ถูกเรียกว่า "demonstrations by Gen Z" เป็นการประท้วงที่ขับเคลื่อนด้วยกลุ่มคน Gen Z ที่ไม่พอใจต่อการทำงานของรัฐบาล ที่มีปัญหาเรื่องการทุจริต และ การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ เจตนาหลักของการประท้วง คือ การต่อต้านการทุจริต โดยมีหนุ่มสาวชาวเนปาล ได้โพสต์ข้อความลงบนโซเชียลมีเดีย ตั้งข้อสงสัย กับ การใช้ชีวิตที่หรูหรา ของครอบครัวและลูกหลานของนักการเมืองและข้าราชการที่ทุจริต แต่ รัฐบาล กลับสั่งปิดกั้นโซเชียลมีเดีย
โดยอ้างว่า แพลตฟอร์มเหล่านั้นไม่ได้ลงทะเบียนกับรัฐบาล และ กล่าวหาว่า โซเชียลมีเดียถูกใช้เพื่อเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนและการฉ้อโกง จึงทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจ และ ความรุนแรงของผู้ชุมนุมก็ปะทุมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการยิงก๊าซน้ำตา จนมีผู้เสียชีวิต 22 คน บาดเจ็บอีก 209 คน เหตุการณ์ความไม่สงบครั้งนี้นับเป็นครั้งที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปีของเนปาล ซึ่งตอนนี้ต้องเผชิญกับความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า สำหรับผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของเนปาล มีหนึ่งตัวเลือกยอดนิยม ที่กลุ่มผู้ประท้วงหวังให้มาแทนที่ นั่นก็คือ คือ บาเลนดรา ชาห์ อายุ 35 ปี อดีตแร็ปเปอร์และนักแต่งเพลง ที่ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีของกรุงกาฐมาณฑุตั้งแต่ปี 2022
โดยหลายคนได้เข้าไปคอมเมนต์ในโซเชียลมีเดียของ บาเลนดรา ชาห์ ว่าเขาคือความหวังสุดท้ายของชาติ ได้โปรดก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในฐานะนายกรัฐมนตรี เพื่อนำพาเนปาลไปสู่อนาคตที่สดใสกว่า
ซึ่งทาง บานเลนดรา ชาห์ ก็ได้ออกมาเรียกร้องให้ ผู้ติดตามในไอจีของเขาที่มีเกือบ 784,000 คน ให้สงบสติอารมณ์ เพราะ คนที่กดขี่พวกเราได้ลาออกแล้ว ขอให้ทุกคนใจเย็น อดกลั้น เพราะตอนนี้ รุ่นของพวกคุณจะต้องเป็นผู้นำประเทศ