สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 10 กันยายน 2568

สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 10 กันยายน 2568

View icon 106
วันที่ 10 ก.ย. 2568 | 18.34 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
Open World เปิดโลกรายวัน : สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 10 กันยายน 2568

1.สถานการณ์เนปาลเริ่มสงบ หลังประท้วงเดือด 2 วันติด
จากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ (9 ก.ย. 68) กลุ่มผู้ประท้วงวัยรุ่น "เจนซี" (Gen Z) ที่ออกมาประท้วงไม่พอใจคำสั่งของรัฐบาลที่ปิดกั้นโซเชียลมีเดียและปัญหาคอร์รัปชันของรัฐบาล จนนำไปสู่เหตุการณ์ลุกลามบานปลาย กลุ่มผู้ประท้วงได้พากันบุกเข้าไปเผาอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวงของเนปาล รวมทั้งอาคารที่ทำการรัฐบาลหลายแห่ง และบ้านพักส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี

แม้ว่ารัฐบาลเนปาลยกเลิกคำสั่งปิดกั้นโซเชียลมีเดียแล้ว ตั้งแต่วันจันทร์ (8 ก.ย. 68) ที่ผ่านมา และนายกรัฐมนตรี เคพี ชาร์มา โอลี (KP Sharma Oli) ยอมลาออกจากตำแหน่ง แต่ก็ไม่ทำให้ความรุนแรงของการประท้วงเมื่อวานนี้ลดน้อยลง จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 25 คน และบาดเจ็บอีกหลายร้อยคนแล้ว

ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กองทัพเนปาลได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ทหารออกลาดตระเวนรักษาความปลอดภัย ท่ามกลางท้องถนนที่เงียบสงัด และเศษซากความเสียหายจากการประท้วง โดยยังคงมีการบังคับใช้เคอร์ฟิวอย่างไม่มีกำหนดในกรุงกาฐมาณฑุ

ท่ามกลางความโกลาหล เจ้าหน้าที่เรือนจำกล่าวว่า นักโทษ 900 คน ได้หลบหนีออกจากเรือนจำ 2 แห่ง ในเขตตะวันตกของเนปาล ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทหารเนปาล ระดมกำลังกันตามล่าตัวนักโทษที่หลบหนีออกจากเรือนจำดิลลีบาซาร์ ในกรุงกาฐมาณฑุ

ขณะที่ร้านค้าและธุรกิจต่าง ๆ ส่วนใหญ่ ยังปิดให้บริการอย่างต่อเนื่อง ส่วนสนามบินหลักในเมืองหลวงของเนปาลได้กลับมาเปิดให้บริการแล้ว หลังปิดให้บริการมา 1 วัน

2.โลกประณามอิสราเอลโจมตีกาตาร์
กองทัพอิสราเอลปฏิบัติโจมตีทางอากาศใส่เป้าหมายในกรุงโดฮา ของกาตาร์ เพื่อสังหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มฮามาส ซึ่งพำนักอยู่ในกรุงโดฮา ทำให้เจ้าหน้าที่กลุ่มฮามาสเสียชีวิต 5 คน โดยอิสราเอลอ้างความชอบธรรมว่า เป็นการสังหารผู้ที่ส่วนสำคัญในการสังหารหมู่และจับตัวประกันในอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปี 2566 ขณะที่กลุ่มฮามาสอ้างว่า ในกลุ่มผู้เสียชีวิตไม่มีทีมเจรจาหยุดยิงของกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นเป้าสังหารของอิสราเอล

ขณะที่รัฐบาลกาตาร์ ซึ่งเป็นตัวกลางในการเจรจาหยุดยิงในฉนวนกาซาร่วมกับอียิปต์ ประณามการโจมตีของอิสราเอลในครั้งนี้ว่าเป็นการกระทำของคนขี้ขลาดและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และการโจมตีของอิสราเอลในครั้งนี้จะไม่ได้ทำให้กาตาร์หยุดยั้งความพยายามในการเป็นตัวกลางเจรจาข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา

ด้านเลขาธิการสหประชาชาติและชาติอาหรับหลายประเทศ ร่วมประณามอิสราเอลที่ละเมิดอธิปไตยของชาติอื่น และทำให้สถานการณ์ขัดแย้งในตะวันออกกลางร้อนแรงยิ่งขึ้น

3.โปแลนด์สอยร่วง โดรนรัสเซียรุกล้ำน่านฟ้า
โดนัลด์ ทุสก์ (Donald Tusk) นายกรัฐมนตรีโปแลนด์แถลงว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (9 ก.ย.) โดรนของรัสเซียได้รุกล้ำน่านฟ้าของโปแลนด์ ซึ่งโดรน 4 จาก 19 ลำ ถูกยิงตก การกระทำครั้งนี้ถือเป็นการยั่วยุครั้งใหญ่ โดยที่ผ่านมา มีการหารือกับเลขาธิการนาโตและชาติสมาชิกอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมรับมือเหตุการณ์แบบนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่โดรนรัสเซียถูกยิงตกเหนือดินแดนของประเทศสมาชิกนาโต จึงทำให้ชาติสมาชิกอื่น ๆ กังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ภาพจากจอเรดาร์แสดงให้เห็นว่าเที่ยวบินพาณิชย์ต่าง ๆ หลีกเลี่ยงน่านฟ้าของโปแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของยูเครน ในช่วงที่ถูกรัสเซียโจมตี จนทำให้ต้องมีการปิดสนามบินหลายแห่ง รวมทั้งสนามบิน วอร์ซอ มอดลิน (Warsaw Modlin) ซึ่งล่าสุดกลับมาเปิดบริการแล้ว

ด้านประธานาธิบดี โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน โพสต์ข้อความว่ามีโดรนอย่างน้อย 8 ลำ ที่รัสเซียเจตนาเล็งเป้าหมายไปยังโปแลนด์ ถือเป็นการยกระดับความรุนแรงของรัสเซีย

4.“มาครง” เลือกนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสคนใหม่
เพียงวันเดียวหลังจากที่ ฟรองซัวส์ บายรู พ้นจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส หลังถูกสมัชชาแห่งชาติลงมติไม่ไว้วางใจ กรณีเสนอตัดงบประมาณเพื่อลดหนี้สาธารณะ

ล่าสุด ประธานาธิบดี เอ็มมานูแอล มาครง ของฝรั่งเศส หาตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้แล้ว เป็นหนึ่งในทีมงานคนสนิท คือ เซบาสเตียง เลอกอร์นู (Sebastien Lecornu) อายุ 39 ปี ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมฝรั่งเศสมานานกว่า 3 ปี และเป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญในการกำหนดท่าทีของฝรั่งเศสต่อสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ทั้งนี้ เซบาสเตียง เลอกอร์นู ถือเป็นนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสคนที่ 5 ในช่วงเวลาไม่ถึง 2 ปี เนื่องจากไม่มีพรรคการเมืองใดได้เสียงข้างมากในสมัชชาแห่งชาติ ทำให้รัฐบาลฝรั่งเศสกลายเป็นเสียงข้างน้อย จนประสบปัญหาอย่างหนักในการพิจารณาผ่านกฎหมาย

5.เกาะบาหลีน้ำท่วมหนัก เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน
ฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง 2 วัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมบนเกาะบาหลี สถานที่ตากอากาศยอดนิยมของอินโดนีเซีย ย่านชุมชนที่อยู่อาศัยและถนนหลายสายถูกน้ำท่วมอย่างหนัก รถยนต์จมน้ำแทบมิดหลังคา

ทางการระดมเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยกว่า 200 นาย ตระเวนให้ความช่วยเหลือผู้ที่ติดค้างอยู่ในอาคารบ้านเรือนและอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยง ส่วนที่เมืองเดนปาซาร์ คือเมืองหลวงของจังหวัดบาหลี การจราจรหลายพื้นที่ถูกตัดขาด แม้แต่สนามบินนานาชาติงูระห์ไร (Ngurah Rai International Airport) ก็เข้าถึงได้เฉพาะรถใหญ่หรือรถบรรทุกเท่านั้น

ขณะที่ มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 คน ในเขตเจมบรานา (Jembrana) ทางตะวันตกของเกาะบาหลี หลังจากก่อนหน้านี้ เกิดเหตุบ้าน 2 หลัง พังถล่มลงมาที่เมืองเดนปาซาร์ (Denpasar) และทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 4 คน