“นิกร” เตือน! นายกฯ หนู ระวังตั้งคำถามประชามติ ย้ำหากทำตาม MOA ภูมิใจไทย-พรรคประชาชน อาจขัดกฎหมาย และคำวินิจฉัยศาลฯ ชี้ทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ควรยกเว้นหมวด 1 และ 2 ส่วนที่มา สสร. เลือกตั้งโดยอ้อมได้
วันนี้ (11 ก.ย.68) นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะอดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการร่วมกันพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญของประชาชนฉบับใหม่ ที่ให้ทำประชามติ 3 ครั้ง ว่า รัฐบาลใหม่ ต้องระมัดระวังในการดำเนินการตั้งคำถามให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 166 ที่บัญญัติว่า "ในกรณีที่มีเหตุอันสมควร คณะรัฐมนตรีจะขอให้มีการออกเสียงประชามติในเรื่องใดอันมิใช่เรื่องที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือเรื่องที่เกี่ยวกับตัวบุคคลหรือคณะบุคคลใดก็ได้
ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ โดยคณะรัฐมนตรีต้องมีมติให้ออกเสียงประชามติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 ดังนั้น หากคณะรัฐมนตรีตั้งคำถามประชามติเกี่ยวกับการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับใหม่โดยให้มี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งลงไปในคำถามประชามติด้วย
ดังนั้น ตามข้อตกลง MOA ข้อ 2 ของการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดนี้ นายนิกร ระบุว่า ไม่สามารถกระทำได้เพราะขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 166 ที่การออกเสียงประชามติต้องมิใช่เรื่องที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ เพราะในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่มี สสร. บัญญัติไว้ จึงไม่สามารถตั้งคำถามประชามติในลักษณะดังกล่าวได้ และที่สำคัญคำวินิฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็ชี้ชัดต่อบทบัญญัติหมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งรัฐสภามีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้
แต่รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง ซึ่งกรณีนี้ตนยังเห็นว่าอาจสามารถจะมีสสร.ได้แต่ต้องมีการเลือกตั้งโดยอ้อมเหมือนการจัดทำรัฐธรรมนูญปี2540
โดยสสร.ที่ให้ประชาชนเลือกมาจำนวนหนึ่งก่อนแล้วรัฐสภามาคัดเลือกภายหลังอีกครั้งหนึ่งเป็นโดยอ้อมไม่โดยตรง แต่ต้องรอไปกำหนดรายละเอียดและตั้งคำถามในช่วงที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 หมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นการถามประชามติเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งสามารถดำเนินการได้ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้หากคณะรัฐมนตรีหรือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยังฝืนที่จะตั้งคำถามประชามติเกี่ยวกับการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับใหม่โดยให้มี สสร. ลงไปในคำถามประชามติด้วย อาจถูกร้องว่าเป็นการกระทำที่มีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 จำนวน 3 ร่าง ที่ค้างอยู่ในวาระของการประชุมรัฐสภานั้น จะต้องถอนร่างฯ ออกมา เพราะพิจารณาต่อไปไม่ได้ เพราะไม่ได้ทำประชามติถามประชาชนเสียก่อน และในเนื้อหาของมาตราก็มีการบัญญัติให้ สสร.มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ซึ่งทั้งสองประเด็นนี้ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาในวันนี้โดยตรง