เช้านี้ที่หมอชิต - ผลจากคำสั่งศาลฎีกาฯ ที่เห็นว่าการออกมารักษาตัวนอกเรือนจำของ "ทักษิณ" เป็นการเอื้อประโยชน์จากการบังคับโทษ นอกจากทำให้ นายทักษิณ ต้องกลับไปอยู่ในเรือนจำแล้ว กำลังค่อย ๆ เกิดผลกระทบต่อคนอื่น ๆ ด้วย
ปม "ทักษิณ" ยังไม่จบ ขยายวงถึงคนรอบข้าง
3 ข้อเรียกร้องที่มวลชนกลุ่ม คปท., กลุ่ม ศปปส. และกองทัพธรรม มายื่นหนังสือกับสำนักงาน ป.ป.ช. คือ
1.ขอให้ขยายผลหาผู้กระทำผิดเพิ่ม เจ้าหน้าที่รัฐที่ให้การช่วยเหลือ นายทักษิณ ชินวัตร ให้รอดพ้นการถูกคุมขังในเรือนจำ โดยเฉพาะ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157
2. เร่งสรุปสำนวน และส่งฟ้องข้าราชการ 12 คนที่ถูกชี้มูลความผิดไปแล้ว
3. ให้ดำเนินคดี นายทักษิณ เพิ่มเติมในฐานะ "ตัวการหรือผู้สนับสนุน" ให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ด้าน พันตำรวจเอกทวี ไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ บอกว่า ยินดีจะให้ตรวจสอบ เพราะเรื่องของนายทักษิณ กับการถูกบังคับโทษหลังลี้ภัยในต่างประเทศ มีมาก่อนที่ตัวเองเข้ารับตำแหน่ง ส่วนเรื่องการเพิกเฉยหรือไม่ คิดว่าในคำวินิจฉัยศาลฎีกาฯ น่าจะมีคำตอบ และส่วนตัวมั่นใจว่ากรมราชทัณฑ์จะดูแลผู้ต้องขังทุกคนตามกฎระเบียบ
"ทักษิณ" จ่อเป็นอาจารย์สอนภาษา
ถามว่าช่วงที่ผ่านมา 2-3 วันนี้ นายทักษิณ ใช้ชีวิตในเรือนจำเป็นอย่างไร พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้ข้อมูลว่า นายทักษิณ ปรับตัวได้ดี อย่างตอนเช้า กินไข่ต้ม 2 ฟอง กับกาแฟ
ตกกลางคืน นอนหลับได้ตามปกติ ไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ และเพราะเป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ทำให้ช่วง 5 วันแรก ต้องอยู่ในห้องกักโรค ไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยม
รอพ้นกำหนดแล้ว คณะกรรมการฯ จะพิจารณาจำแนกผู้ต้องขังตามความรู้ความสามารถอีกที อย่างกรณีนายทักษิณ มีความรู้ด้านภาษา อาจได้รับมอบหมายให้เป็นอาจารย์สอนภาษา
จี้แจงปมปรับพื้นที่ "เรือนจำคลองเปรม"
อีกประเด็นให้ปวดหัว คือ นายสมชาย แสวงการ อดีต สว. โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ถามถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ให้ช่วยอธิบายเหตุใดจึงต้องมีการปรับพื้นที่เขตเรือนจำกลางคลองเปรม เพิ่มเข้าไปในพื้นที่ทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ในวันที่ 5 กันยายน ก่อนวันที่ศาลฎีกาฯ อ่านคำสั่งบังคับคดีชั้น 14 โดยตั้งคำถามว่าเรื่องนี้เป็นมาอย่างไร หรือเกี่ยวอะไรกับนักโทษ VVIP หรือไม่ ?
