Open World เปิดโลกรายวัน : สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 12 กันยายน 2568
1.สหรัฐฯ ส่งตัวแรงงานเถื่อนเกาหลีใต้ กลับประเทศ
เครื่องบินเช่าเหมาลำพร้อมผู้โดยสารที่เป็นแรงงานผิดกฎหมายชาวเกาหลีใต้ เดินทางออกจากสนามบินในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ของสหรัฐฯ แล้วเพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงโซล ของเกาหลีใต้ โดยเครื่องบินลำดังกล่าวนำเครื่องขึ้นในเวลาประมาณก่อนเที่ยงวานนี้ (11 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น หลังรถโดยสารที่นำตัวแรงงานหลายร้อยคนจากศูนย์กักกันเดินทางมาถึงสนามบินแอตแลนตา
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐอเมริกา (ICE) บุกค้นโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท "ฮุนไดมอเตอร์" (Hyundai Motor) ในรัฐจอร์เจีย ของสหรัฐฯ พร้อมจับกุมคนงานประมาณ 475 คน ซึ่งข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมายหรืออยู่เกินวีซ่า ส่วนใหญ่เป็นชาวเกาหลีใต้ราว 300 คน นับเป็นปฏิบัติการบุกค้นครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) นอกจากนี้ ทางการสหรัฐฯ ยังควบตัวแรงงานอีกกว่า 150 คน จากไซต์งานก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าของ "ฮุนไดมอเตอร์" และ "แอลจี เอนเนอร์จี โซลูชัน" (LG Energy Solution) ในรัฐจอร์เจีย ด้วย
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เสนอที่จะอนุญาตให้คนงานเหล่านี้อยู่ในสหรัฐฯ ต่อไปได้ เพื่อให้แรงงานเกาหลีใต้เป็นผู้ฝึกอบรมให้กับแรงงานชาวอเมริกัน แต่เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ระบุว่า มีแรงงานเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เลือกจะอยู่ต่อ
2.อดีต ปธน.บราซิล ถูกศาลสั่งจำคุก 27 ปี ฐานวางแผนก่อรัฐประหาร
ฌาอีร์ โบลโซนารู (Jair Bolsonaro) อดีตประธานาธิบดีบราซิล ผู้นำพรรคฝ่ายขวาจัด ถูกคณะผู้พิพากษาศาลฎีกาบราซิล ตัดสินลงโทษจำคุกเป็นเวลา 27 ปี 3 เดือน ฐานวางแผนพยายามก่อการรัฐประหาร ล้มผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2565 ซึ่งเขายืนกรานปฎิเสธมาตลอดว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองของ ลุยซ์ อีนาซียู ลูลา ดา ซิลวา (Luiz Inacio Lula da Silva) ประธานาธิบดีบราซิลคนปัจจุบัน โดยคณะผู้พิพากษา 4 เสียง มองว่าเขามีความผิดจริง มีเสียงเดียวให้ยกฟ้อง นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งห้ามลงสมัครรับตำแหน่งทางการเมืองจนถึงปี 2576 ซึ่งทนายของ โบลโซนารู ยืนยันว่าจะยื่นอุทธรณ์ขอลดโทษต่อไป เพราะมองว่าบทลงโทษนั้นรุนแรงเกินเหตุ
ด้านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ พันธมิตรของ โบลโซนารู ยอมรับว่าประหลาดใจกับบทลงโทษดังกล่าว ซึ่งทำเหมือนต้องการตอบโต้ที่เขาปกป้องโบลโซนารูว่าเป็นคนดี
3."โดนัลด์ ทรัมป์" ร่วมพิธีรำลึกครบรอบ 24 ปี เหตุวินาศกรรม 11 กันยายน ลั่นจะบดขยี้ศัตรูอย่างไร้ความปราณี
วานนี้ (11 ก.ย.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ร่วมพิธีรำลึกครบ 24 ปี เหตุวินาศกรรม 11 กันยนยน (9/11) ณ อาคารเพนตากอน รัฐเวอร์จิเนีย โดยกล่าวว่า สหรัฐฯ จะไม่มีวันลืมภาพอันน่าสะพรึงกลัวในเหตุการณ์ก่อการร้าย เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 ซึ่งหลายปีต่อมากองทัพสหรัฐฯ ได้แก้แค้นให้กับวีรชนและผู้บริสุทธิ์ที่เสียชีวิต พร้อมส่งข้อความเตือนไปยังศัตรูทั่วโลกว่า หากใครบังอาจโจมตีสหรัฐฯ จะถูกตามไล่ล่าทุกซอกทุกมุมในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาล และบดขยี้ศัตรูของสหรัฐอย่างไร้ความปรานี นั่นคือเหตุผลที่สหรัฐฯ เปลี่ยนชื่อกระทรวงกลาโหม เป็นกระทรวงสงคราม
ส่วนที่บริเวณอนุสรณ์สถานและพิพิธภัณฑ์ "ไนน์ อีเลฟเวน" ย่านแมนแฮตตัน นครนิวยอร์ก ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ที่ถูกเครื่องบิน 2 ลำ พุ่งชนจนพังถล่มลงมา มีประชาชนจำนวนมากไปร่วมวางไว้อาลัยและอ่านชื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุก่อการร้ายครั้งนั้น รวม 2,977 คน
เหตุการณ์ 9/11 ถือเป็นเหตุโจมตีสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่กองทัพญี่ปุ่นบุกโจมตีอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ หมู่เกาะฮาวาย สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 2484 ครั้งน้ันมีทหารและพลเรือนเสียชีวิตรวม 2,403 คน
4.ฟิลิปปินส์ประท้วงแผนของจีนในการประกาศเขตอนุรักษ์ธรรมชาติในหมู่เกาะที่เป็นพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้
ทางการฟิลิปปินส์ออกมา "ประท้วงอย่างรุนแรง" ต่อแผนการของจีนที่จะสร้างเขตอนุรักษ์ธรรมชาติบริเวณสันดอนสการ์โบโร (Scarborough Shoal) ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้ โดยกำลังดำเนินการเพิ่มความชอบธรรมในการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนและสิทธิทางทะเลในพื้นที่ที่เป็นข้อพิพาทแห่งนี้
คณะมนตรีรัฐกิจของจีนได้อนุมัติการจัดตั้งเขตอนุรักษ์ธรรมชาติแห่งชาติที่สันดอนสการ์โบโร โดยให้เป็นเผลว่าเป็น "หลักประกันสำคัญ" ในการรักษาระบบนิเวศของเกาะปะการังแห่งนี้
ด้านกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์กล่าวว่า การกระทำของจีนถือเป็นการ "ละเมิด" สิทธิและผลประโยชน์ของฟิลิปปินส์อย่างชัดเจน พร้อมเรียกร้องให้จีนถอนคำสั่งอนุมัติดังกล่าวและปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล
ทั้งนี้ อำนาจอธิปไตยเหนือสันดอนสการ์โบโรไม่เคยได้รับการรับรอง ซึ่งจากคำตัดสินของศาลระหว่างประเทศในปี 2559 เกี่ยวกับทะเลจีนใต้ ได้ตัดสินให้การอ้างสิทธิ์ของจีนเหนือดินแดนดังกล่าวเป็นโมฆะ
5.โปแลนด์ปิดชายแดน หลังรัสเซีย-เบลารุส ร่วมซ้อมรบ
การฝึกซ้อมรบร่วมกันของกองทัพรัสเซียกับเบลารุส ในชื่อยุทธการ "ซาปัด 2025" เริ่มต้นขึ้นแล้ววันนี้ (12 ก.ย.) ถือเป็นการฝึกซ้อมรบเชิงยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ที่จัดขึ้นในทุก 2 ปี ครอบคลุมทั้งทางบกและทางทะเล รวมทั้งอาจมีการทดสอบยิงขีปนาวุธของรัสเซียด้วย ท่ามกลางการจับตาอย่างใกล้ชิดกลุ่มนาโต เนื่องจากเบลารุสมีชายแดนติดกับโปแลนด์ และเพิ่งเกิดเหตุโดรนของกองทัพรัสเซียที่โจมตียูเครนเกือบ 20 ลำ รุกล้ำน่านฟ้าโปแลนด์
การซ้อมรบครั้งนี้ทำให้โปแลนด์ประกาศปิดชายแดนติดเบลารุสโดยไม่มีกำหนด โดยให้เหตุผลว่าพื้นที่ฝึกซ้อมรบที่อยู่ติดกับชายแดนโปแลนด์ ถือเป็นการเจตนาคุกคามโปแลนด์และชาติสมาชิกนาโต