ตามพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จบำนาญ และเงินอื่นๆ ในลักษณะเดียวกัน พ.ส.2535 ระบุว่า ข้าราชการผู้ใดถึงแก่ความตายในระหว่างรับราชการ ให้จ่ายเงิน 3 เท่าของเงินเดือนเต็มเดือน ที่ข้าราชการผู้นั้นมีสิทธิได้รับในเดือนที่ถึงแก่ความตาย
และหากข้ราชการผู้นั้นมีสิทธิได้รับ
- เงินเพิ่มพิเศษค่าวิชา
- เงินประจำตำแหน่งที่ต้องฝ่าอันตรายเป็นปกติ
- เงินเพิ่มพิเศษสำหรับการสู้รบ
- เงินเพิ่มพิเศสำหรับการปราบปรามผู้กระทำผิด
ให้รวมเงินดังกล่าวพร้อมกับเงินเดือน เพื่อคำนวณเป็นเงินช่วยพิเศษ จำนวน 3 เท่า
ทั้งนี้ ผู้ที่จะได้รับ เงินช่วยพิเศษ คือ บุคคลที่ข้าราชการผู้เสียชีวิตได้แสดงเจตนาระบุตัวบุคคลไว้เป็นหนังสือ ตามแบบที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ ก่อนเสียชีวิต
ส่วนกรณีหากข้าราชการที่เสียชีวิตไม่ได้แสดงเจตนาไว้ ให้จ่ายแก่ทายาทตามกฎหมายตามลำดับดังนี้
1.คู่สมรส
2.บุตร
3.บิดา มารดา
หากผู้มีสิทธิลำดับก่อนยังมีชีวิตอยู่ บุคคลลำดับถัดไป ไม่มีสิทธิได้รับเงินช่วยพิเศษ หรือหากว่าผู้มีสิทธิในลำดับเดียวกันมีมากกว่า 1 คน ให้จ่ายแก่บุคคลซึ่งได้รับมอบหมาย หรือ บุคคลใดบุคคลหนึ่งที่เป็นผู้จัดการศพ เช่น
กรณีข้าราชการเสียชีวิตโดยไม่ได้แสดงเจตนาและไม่มีคู่สมรส แต่มีบุตร 3 คน ให้จ่ายเงินช่วยพิเศษให้แก่บุตรคนใดคนหนึ่งใน 3 คนนี้ตามที่ตกลงกัน หรือหากตกลงกันไม่ได้ ก็จะจ่ายให้บุตรคนที่เป็นผู้จัดการศพ
ขั้นตอนการขอรับเงินพิเศษ สามารถยื่นขอรับเงินภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ข้าราชการเสียชีวิต ยื่นแบบได้ที่หน่วยงานต้นสังกัด พร้อมเอกสารหลักฐานดังนี้
1.สำเนาใบมรณบัตร
2.หนังสือแสดงเจตนาระบุตัวผู้รับเงินช่วยพิเศษ (ถ้ามี)
3.สำเนาทะเบียนบ้าน/สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
4. สำเนาทะเบียนสมรสหรือใบสำคัญการสมรส (กรณคู่สมรส)
5.สำเนาสมุดบัญชีเงนฝากธนาคาร (หน้าที่มีชื่อและเลขที่บัญชี)
6.กรณีลูกจ้างชั่วคราว แนบคำสั่งจ้างลูกจ้างชั่วคราว
ขอบคุณข้อมูล กรมบัญชีกลาง