ผบ.ตร. นัดตำรวจทั่วประเทศ ประชุมแก้ปัญหาประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกอายัดบัญชีเพื่อตรวจสอบบัญชีม้า

ผบ.ตร. นัดตำรวจทั่วประเทศ ประชุมแก้ปัญหาประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกอายัดบัญชีเพื่อตรวจสอบบัญชีม้า

View icon 152
วันที่ 16 ก.ย. 2568 | 08.39 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 68 ที่ผ่านมา พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ได้ปรากฏข้อมูลข่าวสารว่ามีประชาชนผู้บริสุทธิ์ ได้รับผลกระทบจากการอายัดบัญชี หรือระงับธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเรียกร้องให้หน่วยงานต่าง ๆ ช่วยเหลือหรือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการตามมาตรการบัญชีม้านั้น

ล่าสุด พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เรียกประชุมเร่งด่วน โดยมี พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ/ ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.), ศปอส.ตร. เพื่อรับฟังข้อมูลอย่างละเอียดรอบด้าน รวมทั้งได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และธนาคารแห่งประเทศไทย แล้ว

เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติของตำรวจให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยจะไม่ให้กระทบกับแนวปฏิบัติตามข้อกฎหมาย และจะไม่ผลักภาระให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งให้รับผิดชอบ แต่จะบูรณาการร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงาน กสทช. โดยในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะรีบดำเนินการในการรับแจ้งเรื่องปลดอายัดบัญชีที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวให้เร็วที่สุด หรือช่วยลดปัญหาในการเดินทางของผู้ได้รับผลกระทบ หรือกรณีที่อาจจะมีความเกี่ยวข้องกันหลายหน่วยงาน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้วางกรอบ แนวทาง โดยจะสั่งการให้แต่ละพื้นที่ทั่วประเทศดำเนินการทันที และในวันนี้ (16 ก.ย. 68) เวลา 10.00 น. ได้ให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 และผู้บังคับการตำรวจนครบาล/ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ทุกจังหวัด เข้าร่วมประชุมด้วยตนเอง

ทั้งนี้ ผบ.ตร. มีความเข้าใจในประชาชนที่ใช้บัญชีที่สุจริตในการทำอาชีพ ใช้จ่ายตามปกติ แต่อย่างไรก็ตาม สำนักงานตำรวจแห่งชาติและทุกหน่วยจะร่วมกันป้องกันปราบปราม เพื่อไม่ให้คนร้ายหรือมิจฉาชีพใช้ช่องว่างในการนำกรณีดังกล่าว มาเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด ที่สร้างผลเสียหายร้ายแรงต่อประชาชนและประเทศชาติต่อไป