แม่พลทหารไม่เห็นด้วยหากมีการเปิดด่านตอนนี้ ลั่นไม่คุ้มที่ลูกชาย-ทหารกล้าสละชีพ เพราะไม่เชื่อใจกัมพูชา และสถานการณ์ล่าสุดยังไม่มีการถอนกำลังออก
วันนี้ (16 ก.ย. 68) นางสาวสุพรรณษา กองราชา อายุ 47 ปี แม่ของพลทหารสิรวิชญ์ ภิญโญสุข สังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 8 ค่ายมหาศักดิพลเสพ จ.ขอนแก่น หรือ “พลทหารเต๊ะ” ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุปะทะระหว่างปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2568 ที่ผ่านมา
ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องความภาคภูมิใจนั้นภูมิใจอย่างมากในตัวลูกชาย ที่เสียสละปกป้องประเทศชาติจนลมหายใจสุดท้าย
แต่เรื่องการเปิดด่านชายแดนนั้น ส่วนตัวไม่เชื่อว่ากัมพูชาจะยอมถอย ถ้าเปิดด่านแล้วจะถอยจริงหรือ เพราะขนาดบอกว่ายุติการยิง ก็ยังพบว่ามีเสียงปืนดังขึ้นประปราย
เพื่อนลูกชายที่ประจำการแนวชายแดนพูดให้ฟังถึงสถานการณ์ตอนนี้ว่ายังตึงเครียดอยู่ ยังมีการวางกำลังตามแนวชายแดนพร้อมปะทะตลอดเวลา จึงไม่อยากให้เปิดด่านชายแดน
และถ้าหากมีการเปิดด่านชายแดนจริง ส่วนตัวมองว่าประชาชนในละแวกนั้นก็ไม่ได้รับประโยชน์ เพราะพื้นที่ที่เสียไปก็ยังเอาคืนมาไม่ได้ และที่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งในการเปิดด่านเพราะขนาดไม่เปิดก็ยังมีการลักลอบเข้ามา ทหารของเราก็ยังจับตัวได้เรื่อยๆ และก็ไม่มีความคุ้มค่ากับการเสียสละที่เราสูญเสียไป
ถ้าจะจะเปิดจริงๆก็อยากจะให้ทุกอย่างมันจบจริงๆแล้วค่อยเปิด ตอนนี้ไม่เชื่อใจกัมพูชาเลย เพราะขนาดบอกว่าหยุดยิง ก็ยังมีการเตรียมกำลังตรึงทหารเอาไว้
ขณะเดียวกันผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุพางค์พรรณ พาดกลาง ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 ในฐานะภริยาของพลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจครอบครัว “พลทหารเต๊ะ” พร้อมมอบภาพที่ระลึกพลทหารเต๊ะ เงินช่วยเหลือส่วนตัวส่วนหนึ่ง และเงินช่วยเหลือจากภาคเอกชนจำนวน 100,000 บาท สิ่งของจำเป็น เครื่องใช้และอาหารแห้งให้กับครอบครัวพลทหารเต๊ะ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ
ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ในวันนี้เดินทางมาเยี่ยมให้ขวัญกำลังใจครอบครัวของพลทหารที่เสียชีวิต ในบทบาทของสมาคมแม่บ้านทหารบก ทั้งสุขภาพกายสุขภาพจิต และสิทธิต่าง ๆ ที่จะได้รับ โดยเฉพาะเรื่องการบรรจุน้องสาวเข้ารับราชการทหาร ซึ่งจากการลงพื้นที่พูดคุยกับทางครอบครัวทุกคนมีหัวใจที่แข็งแกร่ง
ขณะที่ในส่วนของท่านแม่ทัพภาคที่ 2 นั้น ได้ให้กำลังใจให้ท่านทำงานให้เต็มที่ เพราะท่านแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นคนที่ตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง และทำให้ดีที่สุด
ส่วนตนเองก็ดูแลตัวเองไม่ให้ท่านแม่ทัพภาคที่ 2 เกิดความเป็นห่วง และในช่วงสามวันนี้จะลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวพลทหารที่เสียชีวิตโซนอีสานเหนือ หลังจากเข้าเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวพลทหารที่เสียชีวิตในโซนอีสานใต้มาก่อนหน้านี้ เพราะพวกเราคือครอบครัวเดียวกัน