ห้องข่าวภาคเที่ยง - เหตุการณ์ยั่วยุของกัมพูชาที่บ้านหนองหญ้าแก้ว เมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ที่มีทั้งการด่าทอ ขว้างปาสิ่งของ และบุกรื้อลวดหนาม จนตำรวจควบคุมฝูงชนต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ด้วยการใช้ก๊าซน้ำตาและกระสุนยาง
ทำให้นายเพ็ญ โบนา โฆษกรัฐบาลกัมพูชา ออกแถลงการณ์ ประณามทางการไทยที่ใช้ก๊าซน้ำตาใส่ประชาชน พระสงฆ์ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 24 คน โดยอ้างว่าการใช้เครื่องส่งคลื่นความถี่สูงปราบฝูงชน (LRAD) ทำลายแก้วหู ระบบสมองของชาวกัมพูชา ทำให้มีผู้บาดเจ็บสาหัส รวมถึงบอกว่า ทหารและเจ้าหน้าที่กัมพูชาที่ประจำการอยู่ในพื้นที่ ปกป้องความปลอดภัยของประชาชนอย่างมืออาชีพ ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด เพื่อแก้ปัญหาอย่างสันติและถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ จึงเรียกร้องให้ไทยยุติการใช้ความรุนแรง และหยุดละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
ต่อมา "พลโทหญิง มาลี โสเจียตา" โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา แถลงซ้ำอีกประณามว่าไทยใช้ความรุนแรง ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทำให้ชาวกัมพูชาบาดเจ็บ 28 คน บางคนสาหัสถึงขั้นหมดสติ พร้อมทั้งอ้างว่าไทยใช้กฎอัยการศึกในอธิปไตยกัมพูชา เป็นการล่วงละเมิดอย่างร้ายแรงของกัมพูชาและกฎหมายระหว่างประเทศ ทำให้พี่น้องประชาชนชาวกัมพูชา ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน ได้ร่วมกันต่อต้านและตอบโต้ โดยสันติวิธี
ด้านฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก็ส่งจดหมายถึง ประธานอาเซียนและผู้นำโลก ให้ช่วยส่งเสริมการดำเนินการหยุดยิงอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ รวมถึงข้อตกลงทั้งหมดที่บรรลุกันระหว่างกัมพูชาและไทย โดยอ้างว่าไทยดำเนินการ กำหนดเขตแดนฝ่ายเดียว บอกว่า ตั้งแต่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา กองกำลังไทยขยายขอบเขตความขัดแย้งด้วยการสร้างลวดหนามขับไล่ชาวกัมพูชา ออกจากหมู่บ้านโจกเจยและหมู่บ้านเปรยจัน จังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งอยู่ตรงข้าม บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว 25 ครอบครัว ถูกปิดกั้นไม่ให้เข้าบ้านและที่นา และยังฟ้องถึงปม 17 จุด ในพื้นที่จังหวัดตราด ที่กองทัพไทยขู่ว่าจะขับไล่ในอนาคตอันใกล้
โดยนายฮุน มาเนต ยังย้ำถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของกัมพูชาในการแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติ สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ จะทำงานร่วมกับไทยและอาเซียนเพื่อรักษาเสถียรภาพส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน