ห้องข่าวภาคเที่ยง - แม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะประกาศแก้ไขปัญหาเรื่องการอายัดบัญชีธนาคารที่มีเส้นทางการเงินต้องสงสัย ออกมาในหลาย ๆ มิติ แต่จนถึงวันนี้ก็ยังมีผู้ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ให้เห็นกันอยู่เรื่อย ๆ
คุณยายบุญส่ง อายุ 88 ปี เป็นหนึ่งในอีกคน ที่เพิ่งได้รับผลกระทบจากการอายัดบัญชีธนาคาร ทั้งที่บัญชีนี้เปิดไว้เพื่อรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ไม่เคยใช้โอนหรือทำธุรกรรมอื่น และคุณยายก็ไม่มีแอปฯ ธนาคารใด ๆ
ลูกสะใภ้คุณยาย พาไปดูหน้าจอตู้ ATM เมื่อกดถอนเงินปกติ กลับขึ้นข้อความว่า "บัญชีที่ต้องสงสัย ไม่สามารถทำรายการได้" ตอนแรกก็ยังเข้าใจว่าเป็นบัญชีของคุณยายคนเดียว แต่กลับพบว่ามีชาวบ้าน 4-5 คน ที่มายืนรอกดเงิน ได้รับข้อความแบบเดียวกันหมด แต่สุดท้ายพอผ่านไป 4 ชั่วโมง ถึงสามารถกลับมากดถอนเงินได้เหมือนเดิม ก็ยอมรับไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
กรณีของคุณหมอรายนี้ ถูกมิจฉาชีพนำข้อมูลส่วนบุคคลไปสวมรอยเปิดบัญชี E-Wallet 3 บัญชี โดยไม่รู้ตัว ทำให้ถูกอายัดบัญชีธนาคาร ล่าสุดรวม 13-14 บัญชี เงินที่ถูกอายัดประมาณ 200,000 บาท จากคนที่มีฐานะการเงินดี ๆ มีชีวิตมั่นคง ไม่น่าต้องไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับแก๊งคอลเซนเตอร์ ต้องมาเดือดร้อนอย่างหนัก ไปแจ้งความก่อนหน้านี้ (12 ก.ย.) ตำรวจก็ไม่รับแจ้งความ แต่ให้ลงบันทึกประจำวันแทน แถมข้อมูลเท่าที่รู้ มีผู้เสียหายแจ้งความแล้ว 4 โรงพัก ไล่ตั้งแต่ จังหวัดสงขลา ไปจนเหนือสุดอย่าง จังหวัดเชียงใหม่ จึงต้องมาร้องขอให้ตำรวจกองปราบฯ ช่วยเหลือ
ส่วนความคืบหน้าการปลดอายัดบัญชีให้กับไรเดอร์คนหนึ่งแล้วไปได้ข้อมูลว่ายังมีโรงพักบางแห่งในจังหวัดปทุมธานี ที่มีคดีออนไลน์สูงถึงหลักหมื่นคดี จึงตามไปดูข้อเท็จจริง ก็พบว่าคือโรงพัก สภ.คลองหลวง จากการพูดคุยกับผู้กำกับการฯ ยอมรับว่าคดีที่นี่มีจำนวนมากจริง แต่ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าที่ผ่านมา มีการดำเนินการตามขั้นตอน เพื่อให้ความช่วยเหลือกับประชาชนอยู่แล้ว
ตรวจสอบเรื่องการปลดอายัดบัญชีล่าสุด กับ ผู้อำนวยการศูนย์ AOC 1441 บอกว่า แค่ 14 วัน มีคน โทร.มาขอให้ปลดการระงับวงเงินมากถึง 6,126 รายแล้ว ในจำนวนนี้กว่าครึ่ง ไม่ยอมบอกข้อมูลที่จำเป็นต่อการตรวจสอบ และที่ปลดอายัดให้ได้จริง ๆ มีแค่ 118 ราย เท่านั้น
สำหรับ ขั้นตอนการพิจารณาของศูนย์ AOC หลัง โทร.เข้ามาที่เบอร์ 1441 แล้วกด 2 เจ้าหน้าที่จะดูก่อนว่า บัญชีที่ถูกอายัด อายัดจากตำรวจ หรือไม่ มีวงเงินถึงตามข้อกำหนด หรือไม่ แม้เงินเข้าออกจะมีจำนวนมาก แต่ถ้าสอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้งานของเจ้าของบัญชี ก็ถือได้ว่าไม่ผิดปกติ สามารถปลดอายัด หรือระงับเงินได้
