“ไอรอน บีม” ระบบเลเซอร์ต่อต้านขีปนาวุธตัวใหม่ของกองทัพอิสราเอล ผ่านการทดสอบแล้ว และจะพร้อมนำไปใช้ปฏิบัติการในช่วงปลายปีนี้
วันนี้ (18 ก.ย. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงกลาโหมของอิสราเอล เผยว่า “ไอรอน บีม” (Iron Beam) ระบบเลเซอร์ต่อต้านขีปนาวุธตัวใหม่ ผ่านการทดสอบแล้ว และจะพร้อมให้กองทัพอิสราเอลนำไปใช้ปฏิบัติการได้ในช่วงปลายปีนี้
โดย “ไอรอน บีม” ได้รับการพัฒนาร่วมกันโดยบริษัทเอลบิต ซิสเต็ม (Elbit Systems) และบริษัทราฟาเอล แอดวานซ์ ดีเฟนส์ ซิสเต็มส์ (Rafael Advanced Defense Systems) ซึ่งจะเป็นยุทโธปกรณ์เสริมสำหรับระบบต่อต้านขีปนาวุธ ไอออน โดม (Iron Dome),เดวิดสลิง (David’s Sling) และแอร์โรว์ (Arrow) ของอิสราเอล ซึ่งใช้ในการสกัดกั้นจรวดที่ยิงมาโดยกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา กลุ่มฮิซบุลเลาะห์จากเลบานอน และกลุ่มฮูตีในเยเมน
ทารงกระทรวงกลาโหมอิสราเอล ระบุว่า ตอนนี้ประสิทธิภาพของ “ไอรอน บีม” ผ่านการทดสอบเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการติดตั้งระบบเลเซอร์เหล่านี้ โดย “ไอรอนบีม” ได้ทดสอบทางตอนใต้ของอิสราเอลเป็นเวลาหลายสัปดาห์ หลังจากพัฒนามานานหลายปี และพิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการ "ปฏิบัติการแบบครบวงจรด้วยการสกัดกั้นจรวด กระสุนปืนครก เครื่องบิน และโดรน ในสถานการณ์ที่หลากหลาย และ “ไอรอน บีม” ชุดแรกจะถูกบูรณาการเข้ากับการป้องกันภัยทางอากาศของกองทัพอิสราเอลภายในสิ้นปีนี้
ทางประธานบริษัท ราฟาเอล แอดวานซ์ ดีเฟนส์ ซิสเต็มส์ กล่าวว่า “ไอรอน บีม” ซึ่งสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี adaptive optics จะกลายเป็นระบบที่เปลี่ยนเกมอย่างไม่ต้องสงสัย และสร้างผลกระทบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนต่อสงครามสมัยใหม่
ทั้งนี้ ปัจจุบัน ระบบสกัดกั้นจรวดมีราคาอย่างน้อยเครื่องละ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 1.5 ล้านบาท แต่ระบบเลเซอร์ “ไอรอน บีม” มีต้นทุนที่ราคาไม่สูงมาก เนื่องจากระบบนี้เน้นไปที่ขีปนาวุธขนาดเล็กและโดรนเป็นหลัก