หมอเจดโพสต์เตือน 5 โรคฮิตของวัยทำงาน มีอะไรบ้าง แล้วแต่ละโรคมันมากับอาการแบบไหน

หมอเจดโพสต์เตือน 5 โรคฮิตของวัยทำงาน มีอะไรบ้าง แล้วแต่ละโรคมันมากับอาการแบบไหน

View icon 115
วันที่ 18 ก.ย. 2568 | 12.16 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
นนี้ (18 ก.ย. 68) นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ให้ความรู้ด้านสุขภาพผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุถึง 5 โรคฮิตของวัยทำงาน

ทุกคนเคยแล้วสงสัยไหม ทำไมทำงานถึงได้ปวดเมื่อย ตึงเครียด แถมเจ็บป่วยกันบ่อยนัก ชีวิตที่ต้องนั่งจ้องจอ ประชุมต่อเนื่อง วิ่งงานแข่งกับเดดไลน์ หรือกินข้าวไม่ตรงเวลา ทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุของ “โรคฮิต”

วันนี้จะมาเล่าให้ฟังว่า 5 โรคฮิตที่คนวัยทำงานมักเป็นมีอะไรบ้าง แล้วแต่ละโรคมันมากับอาการแบบไหน ที่สำคัญสุดคือ จะป้องกันยังไงไม่ให้ต้องปวดนั่นปวดนี่ทุกวัน อ่านแล้วอย่าลืมเช็กตัวเอง และลองปรับพฤติกรรมกันนิดนะทุกคน รับรองว่าทั้งสุขภาพดีและอารมณ์ดียิ่งขึ้นแน่นอน

1. โรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)

ออฟฟิศซินโดรมอันนี้เป็นโรคยอดฮิตของคนทำงานออฟฟิศที่นั่งจ้องคอมพิวเตอร์เกือบทั้งวัน โรคทนี้เจ็บทั้งกล้ามเนื้อ คอ บ่า ไหล่ หรือแม้แต่หลังเลยทีเดียว สาเหตุก็เพราะเรานั่งในท่าเดิมนานๆ แถมบางครั้งเก้าอี้หรือโต๊ะก็ไม่ได้เหมาะสมกับสรีระ การจ้องคอมเป็นเวลานานทำให้ตาล้าและทำให้ปวดศีรษะได้อีกด้วย บางคนถึงขั้นชามือและแขน บอกเลยว่าทรมานมาก

ซึ่งก็มีมีวิธีป้องกันอยู่นะ ลองตั้งนาฬิกาเตือนทุกๆ 1 ชั่วโมง ให้ลุกขึ้นเดิน ยืดเส้นยืดสาย หาเวลาพักสายตาสัก 5 นาทีทุกๆ ชั่วโมง และใช้เก้าอี้ที่สามารถปรับระดับได้ให้เหมาะกับความสูงของโต๊ะ นอกจากนี้ การออกกำลังกายหลังเลิกงานก็ช่วยบรรเทาอาการได้

2. โรคเครียดสะสมและซึมเศร้า (Stress and Depression)

ความเครียดเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงยากสำหรับคนวัยทำงานนะ ยิ่งถ้าต้องแบกรับความรับผิดชอบและความคาดหวังสูงมากๆ อาจเกิดภาวะเครียดสะสมจนทำให้สุขภาพจิตเราเสียได้ สัญญาณเตือนที่ควรระวังคือ ความรู้สึกอ่อนล้า หมดกำลังใจ หรือรู้สึกหมดหวังไปเลย ในระยะยาว ถ้าปล่อยไว้ไม่ดูแลก็อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ ซึ่งถ้าเกิดขึ้นแล้วต้องรักษาและดูแลอย่างต่อเนื่อง

แล้วมันมีวิธีป้องกันไหม  วิธีที่ผมใช้ก็คือให้เวลากับตัวเองบ้าง รวมถึงนั่งสมาธิ เพื่อลดความเครียด หรือถ้ามีโอกาสลองหาเวลาพักผ่อนอยู่กับคนที่รัก และจัดการเวลาให้สมดุลระหว่างงานกับชีวิตประจำวันด้วยนะ

3. โรคกระเพาะอาหารอักเสบและกรดไหลย้อน (Gastritis and Acid Reflux)

โรคนี้เป็นผลจากการกินอาหารไม่ตรงเวลา หรือกินอาหารที่รสจัดและมันมากๆ เมื่อกระเพาะอาหารถูกกระตุ้นจนสร้างกรดออกมามากๆ ทำให้เกิดการอักเสบได้ ไม่ใช่แค่ปวดท้องนะ บางทีเจ็บแบบแสบท้องหรือมีอาการกรดไหลย้อนขึ้นมาด้วย นอกจากนี้โรคกระเพาะอาหารอักเสบและกรดไหลย้อน ก็เกิดจากเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร หรือที่เรารู้จักกันว่า "เอชไพโลไร" (H. pylori)ได้นะ 

เจ้าตัวนี้อาศัยอยู่ในกระเพาะอาหารของเราได้ แม้ว่ากระเพาะจะเต็มไปด้วยกรดก็ตาม มันแทรกตัวไปอยู่ในเยื่อเมือกของกระเพาะ และปล่อยสารพิษที่กระตุ้นให้เยื่อเมือกเกิดการอักเสบ ซึ่งนำไปสู่อาการปวดแสบปวดร้อนที่ท้อง และหากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษาก็อาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ครับ

อาการของคนที่มีเอชไพโลไรจะคล้ายกับโรคกระเพาะทั่วไป คือ ปวดท้องหลังอาหาร แสบท้อง เรอบ่อย หรือบางทีก็มีกรดไหลย้อนขึ้นมาทำให้รู้สึกแน่นท้อง แต่ถ้าปล่อยนานไป อาจนำไปสู่ภาวะอักเสบเรื้อรัง จนมีผลกระทบต่อสุขภาพทางเดินอาหารในระยะยาวได้ และในบางกรณีหากมีแผลในกระเพาะรุนแรงขึ้นอาจเสี่ยงเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารด้วยนะครับ

เพราะฉะนั้นพยายามกินอาหารให้ตรงเวลา ลดการดื่มกาแฟเยอะๆ และลดอาหารที่มันและเผ็ดจัด กินมื้อเย็นให้เบาๆ และไม่ควรนอนทันทีหลังจากกินข้าว ถ้าทำแบบนี้ได้ อาการเหล่านี้ก็จะลดลงค่ะ

4. โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง (Diabetes and Hypertension)

สองโรคนี้มักเกิดกับคนที่มีพฤติกรรมการกินที่ไม่ดีและขาดการออกกำลังกาย โรคเบาหวานเกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป ส่วนความดันโลหิตสูงเป็นผลจากความเครียดและไขมันในเลือดสูง สองโรคนี้มักจะมาเป็นคู่ เพราะวิถีชีวิตที่เน้นนั่งทำงานมากกว่าออกกำลังกาย ทำให้มีโอกาสเสี่ยงทั้งสองโรค

ป้องกันได้ด้วยควรทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผักและผลไม้ ลดการทานน้ำตาลและไขมันให้น้อยลง ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาทีก็จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคได้

5. โรคไมเกรน (Migraine)

ไมเกรนเป็นอาการปวดศีรษะชนิดหนึ่งที่มักเกิดกับคนทำงานที่มีความเครียดสูงและทำงานหนัก บางคนรู้สึกปวดแปลบที่ข้างใดข้างหนึ่งของศีรษะ และอาจมีอาการตาพร่า คลื่นไส้ หรือแม้แต่แพ้แสงร่วมด้วย ซึ่งสาเหตุหลักๆมาจากความเหนื่อยล้าและความเครียด
ป้องกันยังไงดี? พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้มากๆ และลดการทำงานหนักเกินไป การหาเวลาไปออกกำลังกายเบาๆ หรือทำกิจกรรมที่ช่วยลดความเครียดก็ช่วยลดความเสี่ยงได้เช่นกัน

5 โรคที่วัยทำงานเราเป็นกันบ่อย ๆ แล้วจะเห็นว่า จริง ๆ แล้วมันก็พอจะป้องกันได้ถ้าเราใส่ใจดูแลสุขภาพสักนิด ลุกขึ้นเดิน ยืดเส้นยืดสาย กินอาหารตรงเวลา หาเวลาพักผ่อนบ้าง

แค่เริ่มต้นเล็ก ๆ อย่างการพักสายตาทุกชั่วโมงหรือดื่มน้ำเยอะ ๆ ก็ถือว่าเป็นการเริ่มดูแลตัวเองแล้ว จำไว้ว่าสุขภาพดีเป็นของเราเอง ไม่มีใครดูแลเราได้ดีเท่าเราหรอก ขอให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง ทำงานอย่างสนุกนะ