ตำรวจพุทไธสง ตามรวบเจ้าของร้านคาราโอเกะ รู้เห็นเป็นใจให้เด็กขายบริการ หักส่วนแบ่งครั้งละ 200-300 บาท เจ้าตัวยังปากแข็ง อ้างไม่รู้เด็กนัดขายบริการที่ร้าน
วันนี้ (18 ก.ย.68) ตำรวจชุดสืบสวน สภ.พุทไธสง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ นำหมายศาลจังหวัดบุรีรัมย์ที่ 546/2568 ในข้อหากระทำการค้ามนุษย์ เข้าควบคุมตัว น.ส.อ้อย อายุ 45 ปี เจ้าของร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลตำบลพุทไธสง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์
หลังจากก่อนหน้านี้ตำรวจพุทไธสง ได้ทำการล่อซื้อกลุ่มผู้ขายบริการเด็กอายุไม่ถึง 15 ปีได้ 3 คน ซึ่งจากการสืบสวนพบว่าใช้ร้านคาราโอเกะแห่งนี้เป็นที่นัดหมายการขายบริการ โดยเจ้าของร้านจะได้ส่วนแบ่งครั้งละ 200-300 บาท พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ จึงได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ หล่อแสง รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ เร่งทำการสืบหาตัวบงการให้ได้ เพราะเชื่อว่าเด็กไม่สามารถหาลูกค้าเองได้ โดยเฉพาะผู้ใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นคนสูงอายุจะไม่สามารถเชื่อมต่อกับเด็กวัยรุ่นโดยตรงได้
จนกระทั่ง พ.ต.อ.ธัชพล ส่องแสง ผกก.สภ.พุทไธสง สืบสวนพบว่าเจ้าของร้านคาราโอเกะ มีส่วนรู้เห็นกับการขายบริการดังกล่าวของเด็ก จึงขอศาลออกหมายจับ น.ส.อ้อย มาดำเนินคดี
ขณะที่ น.ส.อ้อย ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ทั้งน้ำตาว่า ยอมรับว่าเคยเปิดร้านคาราโอเกะมานานกว่า 14 ปี หลังจากนั้นได้เลิกกิจการและหันมาเร่ขายอาหารตามหมู่บ้าน (รถพุ่มพวง) แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ได้กำไรน้อย เพราะมีคนขายหลายเจ้า จึงย้อนกลับมาเปิดร้านคาราโอเกะอีกครั้ง ยืนยันว่าไม่รู้ไม่เห็นว่าเด็กไปขายบริการอย่างไร ก่อนหน้านั้นเด็กจะมาเที่ยวที่ร้านเป็นประจำ ต่อมาได้ขอมาทำงานแต่ตนไม่ได้ให้ค่าแรง ส่วนการขายบริการตนไม่รู้ว่าเขาตกลงกันอย่างไร นัดเจอกันที่ไหน เพราะเด็กไม่ได้พักอยู่ที่ร้าน ยืนยันไม่รู้เรื่องและไม่ได้หักค่าหัวคิวจากเด็ก
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อตามคำให้การ เพราะมีหลักฐานหลายอย่างชี้ได้ว่ารู้เห็นเป็นใจให้เด็กขายบริการ เบื้องต้นตั้งข้อหากระทำการค้ามนุษย์ โดยแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีซึ่งกระทำต่อบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี, กระทำการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือ ให้ความสะดวกหรือคุ้มครองการค้าประเวณีของผู้อื่น, รับผลประโยชน์ไม่ว่ารูปแบบใดจากการค้าประเวณีของผู้อื่นหรือจากผู้ซึ่งค้าประเวณี, จัดให้มีการค้าประเวณีระหว่างผู้ซึ่งค้าประเวณีกับผู้ใช้บริการ เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น, เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจาร ซึ่งเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม รวม 5 ข้อหา
ด้าน พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ กล่าวว่า คดีนี้เป็นการขยายผลคดีที่ 3 ที่ชุดสืบสวน สภ.พุทไธสง ได้ติดตามพฤติกรรมเด็กเกี่ยวกับการค้าประเวณีและการค้ามนุษย์ จนแน่ชัดว่าเจ้าของร้านคาราโอเกะ คือ น.ส.อ้อย มีผลประโยชน์กับการค้าประเวณีนี้ด้วย อยากฝากไปถึงเจ้าของร้านสถานบริการต่างๆ ที่รับเด็กที่มีอายุไม่ถึง 18 ปี เข้ามาในร้านหรือทำงานเกี่ยวกับการขายบริการคือการค้ามนุษย์ ให้ระวังการกระทำดังกล่าวไม่ว่าจะได้ผลประโยชน์ในรูปแบบไหนก็จะถูกดำเนินคดี เพราะมีโทษรุนแรง