สนามข่าว 7 สี - กัมพูชาพยายามดึงเรื่องความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ไปสู่เวทีนานาชาติอยู่ตลอด ล่าสุดในการประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย กัมพูชาก็เสนอวาระนี้เข้าที่ประชุม
สมเด็จ ควร สุดารี (Khuon Sudary) ประธานรัฐสภาแห่งชาติกัมพูชา ได้เสนอวาระเร่งด่วน เพื่อหารือปมปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา กรณีการขอให้เปิดด่าน เข้าที่ประชุมของคณะกรรมการบริหาร AIPA ซึ่งเป็นการประชุมระดับผู้บริหารรัฐสภาจาก 10 ประเทศ เมื่อวานนี้ (17 ก.ย.)
พร้อมแสดงจุดยืนที่ต้องการสันติ
และทันทีที่ สมเด็จ ควร สุดารี เสนอวาระดังกล่าว นายรังสิมันต์ โรม ในฐานะผู้แทนไทยที่เข้าร่วมประชุม ได้ยกมือในที่ประชุมขอโต้แย้ง ไม่ให้นำเรื่องนี้เข้ามาหารือในที่ประชุม เพราะมองว่าการหารือในทวิภาคีไทยและกัมพูชา มีการพูดถึงกลไกแก้ไขปัญหาแล้ว ไม่ควรพูดในเวทีนี้อีก
ซึ่งท้ายที่สุดที่ประชุมมีมติตีตกข้อเสนอวาระเร่งด่วนของกัมพูชา ตามที่ผู้แทนไทยทักท้วง
เช่นเดียวกับ นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทย ที่กล่าวถ้อยแถลง ว่า ประเทศกัมพูชาบิดเบือน ทั้งที่โจมตีพลเรือน โครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้พลเรือน ผู้บริสุทธิ์ และเด็ก เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ อนุสัญญาเจนีวา กติกา ระหว่างประเทศ ตลอดจนกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และอนุสัญญา ว่าด้วยสิทธิเด็ก สิทธิคนพิการ และเป็นอาชญากรรมสงคราม และขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการวางระเบิดสังหารบุคคลต่อทหารไทย
ส่วนกรณีที่ชาวบ้านกัมพูชามีการรื้อรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยมีการติดตั้งบริเวณบ้านบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว ความจริงคือ เหตุการณ์เกิดขึ้นอยู่ในพื้นที่อธิปไตยของไทย เจ้าหน้าที่บางคนได้รับบาดเจ็บ มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางอันเป็นการละเมิดกฎหมายไทย จึงจำเป็นต้องระงับเหตุ ตามหลักสากลและหลักสิทธิมนุษยชน และประเทศไทยสนับสนุนแนวทางแก้ปัญหาข้อพิพาทอย่างสันติวิธี ผ่านช่องทางทวิภาคีที่มีอยู่ และไม่ประสงค์จะเป็นคู่ขัดแย้งกับฝ่ายใด