สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 22 กันยายน 2568

สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 22 กันยายน 2568

View icon 214
วันที่ 22 ก.ย. 2568 | 18.13 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
Open World เปิดโลกรายวัน : สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 22 กันยายน 2568

1.ซูเปอร์ไต้ฝุ่น “รากาซา” จ่อพัดถล่มฟิลิปปินส์
อิทธิพลจากซูเปอร์ไต้ฝุ่น "รากาซา" (Ragasa) ซึ่งมีความเร็วลม 215 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และลมกระโชกแรง 295 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เริ่มทำให้มีกระแสลมแรงและฝนตกหนักบริเวณเกาะบาบูยัน (Babuyan) ทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ และกำลังเคลื่อนตัวไปทางเกาะคาลายัน (Calayan) ในหมู่เกาะบาบูยัน ทำให้มีความเสี่ยงเกิดคลื่นพายุซัดฝั่ง หรือ "สตอร์มเซิร์จ" สูงเกิน 3 เมตรโดยคาดว่าซูเปอร์ไต้ฝุ่น "รากาซา" จะเคลื่อนขึ้นฝั่งของฟิลิปปินส์ ในวันนี้

ขณะเดียวกัน รัฐบาลสั่งระงับการทำงานและปิดโรงเรียนทั่วเขตกรุงมะนิลา และพื้นที่ส่วนใหญ่ของเกาะลูซอน สายการบินต่าง ๆ ยกเลิกเที่ยวบินแล้วอย่างน้อย 24 เที่ยว ส่วนท่าเรือก็ระงับบริการเรือข้ามฟาก

นอกจากนี้ หลายประเทศก็มีการประกาศเตือนอันตรายจากพายุลูกนี้แล้วเช่นกัน โดยเวียดนามสั่งเฝ้าระวังพายุและเตรียมพร้อมรับมือกับพายุที่อาจพัดขึ้นฝั่งในช่วงปลายสัปดาห์นี้

ขณะที่ จีนเริ่มใช้มาตรการป้องกันน้ำท่วมในหลายมณฑลทางตอนใต้ และเตือนว่าจะมีฝนตกหนัก ตั้งแต่คืนวันอังคารเป็นต้นไป ส่วนเขตบริหารพิเศษฮ่องกงประกาศปิดสนามบินชั่วคราวเป็นเวลา 36 ชั่วโมง ตั้งแต่ช่วงเย็นพรุ่งนี้เป็นต้นไป

2.ผู้โดยสารโวย “สนามบินเตโช” โกงน้ำหนักกระเป๋า
จากกรณีที่มีผู้โดยสารคนหนึ่งอ้างว่า เขาชั่งน้ำหนักกระเป๋าเดินทางที่บ้านได้ 23 กิโลกรัม แต่เมื่อมาชั่งที่ “ท่าอากาศยานนานาชาติเตโช” กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา กลับพบว่ากระเป๋าเดินทางของเขามีน้ำหนัก 27 กิโลกรัม จึงต้องจ่ายเงินเพิ่มสำหรับน้ำหนักที่เกินมา

ทาง นายสิน จันเสเรยวุทธา โฆษกสำนักงานการบินพลเรือนของกัมพูชา กล่าวเมื่อวานนี้ (21 ก.ย. 68) ว่า จากการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์และเทคนิคแล้ว ทางทีมผู้เชี่ยวชาญประเมินมาเครื่องชั่งน้ำหนักที่ติดตั้งที่ “ท่าอากาศยานนานาชาติเตโช” นั้นยังคงมีเที่ยงตรงและแม่นยำ และได้รับการยืนยันว่าไม่มีบุคคลใดสามารถไปแก้ไขดัดแปลงน้ำหนักเพื่อเรียกเก็บเงินเพิ่มได้

นอกจากนี้ ยังมีผู้โดยสารอีกหนึ่งคนอ้างว่า เคยเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ที่ท่าอากาศยานพนมเปญ (สนามบินเก่า) และบอกว่านี่เป็นการกระทำของพนักงานชาวกัมพูชาที่ต้องการเงินเพิ่ม และเป็นการทุจริต

3."ทรัมป์" ยอมรับเกลียดฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวในงานรำลึกถึงการเสียชีวิตของ ชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวฝ่ายอนุรักษ์นิยม ที่จัดขึ้น ณ สนามกีฬาในเมืองเกลนเดล รัฐแอริโซนา วานนี้ (21 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ

โดยได้กย่อง ชาร์ลี เคิร์ก ว่าเป็น "มิชชันนารีผู้มีจิตวิญญาณอันสูงส่งและเป้าหมายอันยิ่งใหญ่" และเป็น "วีรบุรุษอเมริกันผู้ยิ่งใหญ่" ซึ่งเปลี่ยนคนเห็นต่างด้วยการชวนมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกัน ต่างกับตัวเขาเองที่เกลียดฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง โดยเฉพาะพวกฝ่ายซ้ายหัวรุนแรง ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบต่อการลอบสังหารเคิร์ก และความรุนแรงส่วนใหญ่ก็มาจากพวกฝ่ายซ้าย

ขณะที่ นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก เดินทางไปร่วมงานรำลึกครั้งนี้ด้วย ซึ่งมัสก์ได้นั่งบนชั้นวีไอพีร่วมกับประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งทั้งคู่จับมือกันและดูเหมือนจะลืมความขัดแย้งที่ผ่านมาแล้ว

4.อิสราเอล ประกาศกร้าว “รัฐปาเลสไตน์” ไม่มีทางได้เกิด
นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ประกาศปฏิเสธการตัดสินใจของสหราชอาณาจักร แคนาดา และออสเตรเลีย ในการรับรองรัฐปาเลสไตน์ โดยระบุว่า “พวกคุณกำลังให้รางวัลที่ยิ่งใหญ่แก่การก่อการร้าย และจะไม่มี “รัฐปาเลสไตน์” ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน และจะหารือกับสหรัฐฯ เพื่อขัดขวางอย่างถึงที่สุด

โดยก่อนหน้านี้ในวันอาทิตย์ (21 ก.ย. 68) ที่ผ่านมา ทาง “เคียร์ สตาร์เมอร์” นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร กล่าวว่า สหราชอาณาจักรรับรองรัฐปาเลสไตน์อย่างเป็นทางการ เช่นเดียวกับผู้นำแคนาดา และออสเตรเลีย รวมทั้ง ฝรั่งเศส, เบลเยียม และโปรตุเกส สอดคล้องกับอีกกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ซึ่งทาง “เคียร์ สตาร์เมอร์” ให้เหตุผลว่า อิสราเอลไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขด้านมนุษยธรรมและไม่ทำข้อตกลงหยุดยิง การแก้ปัญหาร่วมกันในแนวทาง 2 รัฐ จึงเป็นทางออกเพื่อนำไปสู่สันติภาพ

ด้าน “มาห์มูด อับบาส” ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ยินดีต่อการดำเนินการของทั้งของสหราชอาณาจักร แคนาดา และออสเตรเลีย เนื่องจากการรับรองครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญและจำเป็นต่อการบรรลุสันติภาพที่ยุติธรรม และยั่งยืนตามหลักความชอบธรรมระหว่างประเทศ

5.เนปาลโมเดล! วัยรุ่น ฟิลิปปินส์-เปรู ประท้วงรัฐบาล
กลุ่มผู้ประท้วงในกรุงมะนิลา เมืองหลวงของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น ออกมารวมตัวประท้วงต่อต้านการทุจริตโครงการป้องกันน้ำท่วมของรัฐบาลฟิลิปปินส์ ที่ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 545,000 ล้านเปโซ หรือกว่า 3 แสนล้านบาท นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2565 แต่ช่วงฤดูมรสุมหลายเดือนที่ผ่านมา กลับเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่หลายครั้ง ซึ่งประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ สั่งให้ตั้งคณะกรรมการอิสระสอบสวนความผิดปกติดังกล่าวแล้ว

ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงเคลื่อนขบวนมุ่งหน้าไปยังทำเนียบประธานาธิบดี แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลขัดขวาง จึงเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง ทางผู้ประท้วงมีการขว้างปาก้อนหินและระเบิดขวดใส่ตำรวจ เผายางรถยนต์ และทำลายรั้วกั้น ด้านเจ้าหน้าที่จึงตอบโต้ด้วยระเบิดแสงและน้ำแรงดันสูง โดยมีรายงานผู้ประท้วงถูกจับกุมกว่า 70 คน และมีผู้บาดเจ็บเกือบ 40 คน

ขณะที่ประเทศเปรู เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มวัยรุ่นออกมารวมตัวต่อต้านรัฐบาลภายใต้ประธานาธิบดี ดินา โบลัวร์เต ของเปรู ด้วยการประท้วงที่ใช้ชื่อว่า "การเดินขบวนของเจเนอเรชัน ซี" (Generation Z March) ซึ่งจัดโดยนักศึกษาและนักเคลื่อนไหว ซึ่งกล่าวหาว่ารัฐบาลเปรูล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาอัตราการก่ออาชญากรรมที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ และการปฏิรูปเงินบำนาญ ทั้งยังใช้กำลังเกินกว่าเหตุในการควบคุมการประท้วงที่ผ่านมา โดยในการประท้วงครั้งล่าสุดนี้ ตำรวจใช้ก๊าซน้ำตาและโล่ผลักฝูงชนเพื่อพยายามสลายการชุมนุม