Open World เปิดโลกรายวัน : สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 23 กันยายน 2568
1.ผู้นำโลกหนุน "รัฐปาเลสไตน์" ไม่สนเสียงคัดค้านอิสราเอล-สหรัฐฯ
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส กล่าวบนเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ของสหรัฐฯ ว่า "เราต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในอำนาจของเรา เพื่อปกป้องความเป็นไปได้ของการแก้ปัญหาแบบสองรัฐ อิสราเอลและปาเลสไตน์อยู่ร่วมกันอย่างสันติและมั่นคง" และ "เราต้องปูทางนำไปสู่สันติภาพ" ท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้ร่วมการประชุม โดยก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีมาครงประกาศในการประชุมกับซาอุดีอาระเบียว่าฝรั่งเศสจะรับรองสถานะของรัฐปาเลสไตน์ ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่อาจช่วยกระตุ้นขวัญกำลังใจของชาวปาเลสไตน์ได้
ขณะเดียวกันบรรดาผู้นำโลกจากหลายสิบชาติประกาศให้การสนับสนุนการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงทางการทูตครั้งสำคัญหลังจากสงครามฉนวนกาซาเมื่อเกือบสองปี แม้ต้องเผชิญกับการต่อต้านอย่างหนักจากอิสราเอลและชาติพันธมิตรใกล้ชิดอย่างสหรัฐอเมริกา โดยสหรัฐอเมริกาและอิสราเอลได้คว่ำบาตรการประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งอิสราเอลระบุว่า การเคลื่อนไหวทางการทูตบนเวทีสหประชาชาตินั้นจะบั่นทอนโอกาสที่จะยุติความขัดแย้งโดยสันติ
ทั้งนี้ แนวทางแก้ปัญหาสองรัฐถือเป็นรากฐานของกระบวนการสันติภาพที่เดิมสหรัฐฯ สนับสนุน ริเริ่มโดยข้อตกลงออสโล (Oslo Accords) ปี 2536 เพื่อยุติความขัดแย้งกับอิสราเอลที่มีมายาวนาน แต่กระบวนการนี้ถูกต่อต้านอย่างหนักจากทั้งสองฝ่าย ทำให้ไม่มีการเจรจาเกี่ยวกับแนวทางแก้ปัญหาสองรัฐในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกเลย ตั้งแต่ปี 2557
2.“เฮง รัตนา” ฝากถึง “ไทย” เพื่อนบ้านที่ดีไม่ควรใช้กำลัง
นายเฮง รัตนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAC) ได้โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียว่า การกำจัดทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในหมู่บ้านต่าง ๆ ตามแนวชายแดน กัมพูชา-ไทย มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรับรองความปลอดภัยของชาวบ้าน การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และการฟื้นฟูการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจ โดยได้รับความสนใจอย่างสูงจากรัฐบาลกัมพูชา และการกำจัดทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่เหล่านี้เริ่มขึ้นเป็นระยะ ๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ.253
โดยนายเฮง รัตนา กล่าวว่า การกำจัดทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมเหล่านี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง จากประชาคมนานาชาติ และประชาคมนานาชาติเองก็มีส่วนร่วมในการดำเนินการกำจัดทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม
นอกจากนี้ นายเฮง รัตนา กล่าวเสริมว่า ความตึงเครียดบริเวณชายแดน ไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่ายังคงไม่ได้รับการแก้ไข แม้ว่าคณะกรรมาธิการชายแดนของทั้งสองฝ่ายจะมีการหารือกันหลายรอบแล้วก็ตาม ขอย้ำว่าข้อพิพาทนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้กำลัง เพราะการใช้กำลังทหารยิ่งทำให้ความบาดหมางกันมากยิ่งขึ้น และหากเราเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันจริง ๆ ก็ย่อมมีกลไกต่าง ๆ มากมายเพื่อยุติข้อพิพาทอย่างสันติ
3.ซูเปอร์ไต้ฝุ่น "รากาซา" ถล่มฟิลิปปินส์ ทำเรือล่ม-คนเสียชีวิต
ซูเปอร์ไต้ฝุ่น "รากาซา" (Ragasa) ซึ่งเป็นพายุไต้ฝุ่นที่รุนแรงที่สุดในโลกในปีนี้ ได้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งของฟิลิปปินส์แล้ว ตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (22 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น บริเวณเกาะปานุยตัน (Panuitan) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะบาบูยัน (Babuyan) ทางตอนเหนือของฟิลิปินส์ ขณะมีความเร็วลม 215 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และลมกระโชกแรงถึง 295 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทางการประกาศเตือนน้ำท่วมและดินถล่มเป็นบริเวณกว้าง รวมไปถึงความเสียหายต่อบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐาน
หน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์เร่งอพยพและช่วยเหลือประชาชน หลังจากฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วม ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติงานกันตลอดทั้งคืน ขณะเดียวกัน มีการเผยภาพขณะเจ้าหน้าที่หน่วยยามฝั่งเข้าช่วยเหลือชาวประมงที่ติดอยู่ภายในเรือที่พลิกคว่ำกลางทะเลจากคลื่นลมแรง บริเวณชายฝั่งจังหวัดคากายัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน สูญหายอีก 6 คน และช่วยออกมาได้ 6 คน ซึ่งขณะเกิดเหตุมีลูกเรืออยู่บนเรือ 13 คน
4.ชาวจีนกักตุนของจำเป็น รับมือพายุไต้ฝุ่น "รากาซา"
ประชาชนในเมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของจีน ต่างพากันออกมาซื้อของกักตุนอาหารและสิ่งของจำเป็น เตรียมพร้อมรับมือกับการมาถึงของซูเปอร์ไต้ฝุ่น "รากาซา" ((Ragasa)) ซึ่งเป็นพายุไต้ฝุ่นที่มีกำลังแรงที่สุดในปีนี้ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้ตัดต้นไม้ตามริมถนน เพื่อป้องกันเหตุต้นไม้หักโค่น ส่วนอาคารต่าง ๆ ก็มีการนำเทปปิดประและหน้าต่างที่เป็นกระจก เพื่อหวังว่าจะช่วยลดผลกระทบจากเศษกระจกที่อาจแตกจากกระแสลมแรง
พายุไต้ฝุ่น "รากาซา" ซึ่งมีความเร็วลมเทียบเท่าพายุเฮอริเคน สูงถึง 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้รับการประกาศเตือนว่าเป็น "ภัยคุกคามร้ายแรงต่อชายฝั่งของมณฑลกวางตุ้ง" โดยทางการสั่งอพยพประชาชนแล้วราว 370,000 คน
ส่วนที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกง มีการเตรียมพร้อมรับมือพายุลูกนี้ด้วยการปิดโรงเรียน ขณะที่เที่ยวบินโดยสารส่วนใหญ่มีกำหนดระงับให้บริการในช่วงบ่ายของวันนี้ ไปจนถึงเช้าวันพฤหัสบดี ส่วนบริการขนส่งก็หยุดให้บริการเช่นกัน ขณะที่ชาวเมืองพากันออกมาจับจ่ายซื้อของเพื่อกักตุนสิ่งของจำเป็น ก่อนที่ร้านค้าและธุรกิจต่าง ๆ จะปิดบริการ
ทั้งนี้ คาดว่าพายุจะยังคงมีความรุนแรงระดับซูเปอร์ไต้ฝุ่นต่อไป ขณะที่เคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งของมณฑลกวางตุ้ง และจะส่งผลกระทบต่อฮ่องกง จีนแผ่นดินใหญ่ และไต้หวัน หลังจากที่พัดถล่มทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
5.ศาลตัดสิน หญิงเกาหลีใต้ “ผิดจริง” ฆาตกรรมลูก 2 คน ใส่กระเป๋าเดินทาง
ความคืบหน้าคดีที่นาง อี ฮา-คยอง หญิงชาวนิวซีแลนด์ อายุ 44 ปี ที่เกิดในเกาหลีใต้ ถูกกล่าวหาว่า ฆาตกรรมลูกของตนเอง 2 คน อายุ 6 ขวบ และ 8 ขวบ แล้วนำร่างของเด็กทั้ง 2 คน ใส่กระเป๋าเดินทาง ซุกซ่อนในตู้เก็บของร้างในเมืองออกแลนด์ เมื่อปี 2561
ล่าสุด วันนี้ (23 ก.ย.) ศาลตัดสินว่า นาง อี ฮา-คยอง มีความผิดตามข้อหาดังกล่าวจริง โดยหลังจากสามีของเธอ ซึ่งเป็นพ่อของเด็กทั้ง 2 คน เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง เมื่อปี 2560 เธอยอมรับว่าในปีต่อมาได้วางยาฆ่าลูกทั้ง 2 คนจริง ด้วยการให้กินยาเกินขนาด แต่เธอปฏิเสธข้อหาฆาตกรรม อ้างว่าสภาพจิตของเธอตอนนั้นเข้าข่ายวิกลจริต ซึ่งศาลนัดฟังบทลงโทษ ในวันที่ 26 พฤศจิกายนนี้
โดยสาเหตุที่เธอถูกดำเนินคดีช่วงปลายปี 2665 หลังเกิดเหตุนานถึง 4 ปี เป็นเพราะหลังก่อเหตุฆ่าลูกตัวเอง เธอย้ายกลับไปอยู่ที่เมืองอุลซาน ในเกาหลีใต้ และเพิ่งมีคนพบร่างลูกทั้ง 2 คน ของเธอในกระเป๋าเดินทาง จากการประมูลของเก่าออนไลน์ เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2565