ห้องข่าวภาคเที่ยง - ชาวบ้านในพื้นที่ยังคงเชื่อว่าเรื่องการทุบอาคารกาสิโนที่รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทยไม่ง่าย ไม่ใช่เพราะเป็นเรื่องเขตแดนเส้นแบ่งพื้นที่อย่างเดียว แต่ยังหมายถึงอู่ข้าวอู่น้ำของคนกัมพูชาด้วย
ข้อมูลที่ได้จาก "อดีตผู้นำท้องถิ่น" ในพื้นที่ตำบลแหลมกลัด อำเภอเมือง จังหวัดตราด เล่าที่มาที่ไปของการก่อสร้างพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษโครงการ “ทมอดาซิตี” ว่าจากเดิมเป็นเพียงพื้นที่รกร้างธรรมดา แต่ต่อมาไทยและกัมพูชาที่ตอนนั้นยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เห็นว่าควรพัฒนาพื้นที่นี้ จึงนำมาซึ่งโครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ โดยไทยจะได้ประโยชน์จากการขนส่งสินค้าไปขายให้กับกัมพูชา ที่จะช่วยลดต้นทุน ส่วนกัมพูชาก็จะได้ตั้งโรงแรม และกาสิโน ซึ่งกาสิโนนี่แหละที่ส่วนตัวมองว่าเปรียบเสมือนอู่ข้าวอู่น้ำคอยพยุงเศรษฐกิจไว้ ตอนช่วงปี 2563 ที่ไทยพบการรุกล้ำพื้นที่อาณาเขต ทำให้การก่อสร้างต่าง ๆ ต้องหยุดชะงัก และกัมพูชาเองก็น่าจะถอดใจแล้วเหมือนกัน จึงทำให้เห็นอาคารในสภาพร้างไม่ถูกพัฒนาต่อ เรื่องการจะรื้อถอนอาคารนี้หรือไม่ สุดท้ายก็ต้องดูว่าทางการไทยได้เอาจริงกับเรื่องนี้แล้วหรือยัง
ข้อมูลจากแหล่งข่าวพูดตรงกันว่า บ่อนกาสิโนแห่งนี้ เจ้าของก็คือ “ออกญาตรี เพียบ” มหาเศรษฐีชาวกัมพูชา ที่ได้สัมปทานในการทำป่าไม้ทั้งหมดในกัมพูชาผ่านคอนเนกชัน สาย “บุน รานี” ภรรยาของ “สมเด็จฯ ฮุน เซน” ส่วน “ทมอดาซิตี” ก็เป็นการจับมือร่วมกับนายทุนชาวจีน ว่าจะสร้าง “ชุมชนชาวจีนใหม่” ซึ่งจะมีทั้งอสังหาริมทรัพย์ คอนโดฯ โรงแรมหรู บ่อนกาสิโน ภัตตาคาร สถานบันเทิง ซึ่งการสร้างอาคารกาสิโนแล้วเกิดปัญหารุกล้ำเขตแดนไทยคาดเป็นผลจาก “MOU 43” ที่กัมพูชาดูจากแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ส่วนไทยใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 จึงเกิดเป็นปัญหาคาราคาซัง นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตเรื่องความสัมพันธ์อันดีระหว่างกลุ่มเพื่อนทหาร