มูลนิธิกระจกเงา พาครอบครัวของนางสาวภาวิณี กอไธสง หรือ น้องเก๋ สาวโรงงาน ที่หายตัวลึกลับเมื่อ 12 ปี ทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณในจุดที่พบโครงกระดูก บริเวณกลางทุ่งนาป่าปรือ ถนนขุมทอง-ลำต้อยติ่ง เขตลาดกระบัง หลังผลตรวจเทียบดีเอ็นเอของผู้เป็นแม่ตรงกับโครงกระดูกที่พบ
นายวิโรจน์ กอไธสง อายุ 61 ปี ผู้เป็นพ่อ เผยทั้งน้ำตา ตลอด 12 ปี ที่ครอบครัวแทบพลิกแผ่นดินตามหาลูกสาว มาวันนี้เหมือนได้ปลดปล่อยทุกอย่างแล้ว หลังได้รับแจ้งจากมูลนิธิกระจกเงา ว่าผลตรวจดีเอ็นเอของภรรยาตรงกับโครงกระดูกนิรนามที่พบเจอเมื่อปี 2557 ซึ่งเป็นโครงกระดูกของลูกสาวที่หายไปตั้งแต่ปี 2556 โดยก่อนหน้านี้ครอบครัวทำทุกวิถีทาง ทั้งออกตามหา ประกาศหาคนขาย และพึ่งไสยศาสตร์ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะพบเบาะแสอะไร
ย้อนกลับไปช่วงปี 2556 หลังลูกสาวเรียนจบ ก็ได้เข้ามาหางานทำที่ย่านแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โดยมาพักอาศัยอยู่กับน้าสาวที่หอพัก ก่อนที่ไม่นานจะขอออกมาหาห้องเช่าอยู่เอง เพราะรู้สึกเกรงใจน้าสาว ก่อนจะเริ่มขาดการติดต่อไป ครอบครัวก็รู้สึกไม่สบายใจ เลยมาตามหาที่ห้องเช่าแต่กลับไม่เจอตัว
โดยเบาะแสสุดท้ายที่ทราบจากเพื่อนลูกสาว คือน้องเก๋โทรหาเพื่อนบอกให้ขี่รถจักรยานยนต์จากหอพัก ไปส่งที่ริมถนนมอเตอร์เวย์ เพราะเดี๋ยวจะมีคนที่ทำงานพาเข้าไปกรุงเทพแค่นั้น ก่อนจะหายตัวไป อีกทั้งในช่วงที่ลูกสาวหายตัวไปนั้น มีเพื่อนของลูกมาเล่าให้ฟัง ว่าเก๋มาเข้าฝัน บอกว่าถูกทำร้ายและใช้อาวุธมีดแทงหลายแผล
ผู้เป็นพ่อ ยังเผยอีกว่า แม้จะยังรู้สึกคาใจกับการเสียชีวิตของลูกสาว ว่าสรุปแล้วเป็นเหตุฆาตกรรมอำพราง หรืออะไรกันแน่ถึงได้กลายเป็นศพนิรนามมาถูกทิ้งอยู่ในป่าแบบนี้ แต่วันนี้ถือว่าได้ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว และยังคิดถึงลูกสาวคนนี้อยู่เสมอ โดยตนจะเข้าไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับตำรวจ สน.จรเข้น้อย เพื่อช่วยเหลือในการขยายผลหาข้อเท็จจริงต่อไป
ด้านนายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา เผยว่า มูลนิธิฯ ติดตามหาน้องเก๋มาอยู่ตลอด หลังได้รับแจ้งจากครอบครัวตั้งแต่ช่วงที่หายตัวไป ซึ่งเมื่อต้นปี 2568 ได้ทำการประสานเจ้าหน้าที่เก็บดีเอ็นเอของแม่น้องเก๋ ส่งตรวจเทียบที่สถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจ
ผลปรากฏว่า ดีเอ็นเอของแม่ มีความสัมพันธ์ทางสายโลหิตแบบมารดาและบุตรกับโครงกระดูกศพนิรนาม ที่พบในพื้นที่กลางทุ่งนาป่าปรือ ถนนขุมทอง-ลำต้อยติ่ง เขตลาดกระบัง เมื่อเดือนเมษายน 2557 ซึ่งตอนนี้โครงกระดูกทั้งหมด ถูกนำไปฝังไว้ที่สุสานศพนิรนามในจังหวัดชลบุรี โดยวันพรุ่งนี้ครอบครัวของน้องเก๋จะเดินทางไปรับโครงกระดูก กลับบ้านที่จังหวัดบุรีรัมย์
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวไปสอบถามนางสมบูรณ์ นุ่มสำลี อายุ 64 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ และอยู่ในเหตุการณ์วันที่พบโครงกระดูก ให้ข้อมูลว่า ในอดีตพื้นที่ตรงนี้เป็นป่าต้นธูป ซึ่งจะต้องเป็นคนในพื้นที่เท่านั้นถึงจะรู้เส้นทางเข้าออก เพราะป่าค่อนข้างรกร้างแทบไม่มีใครเข้ามา จะมีเพียงชาวบ้านแถวนี้ ที่เข้ามาเผาป่า จับหนูเพียงเท่านั้น ซึ่งย้อนกลับไป ก่อนวันที่พบโครงกระดูก เธอและสามีเคยได้กลิ่นเหม็นสาบคลุ้งอยู่ในป่า แต่ตอนนั้นคิดว่าเป็นซากสัตว์ตายเลยไม่ได้สนใจ อีกทั้งในช่วงปีเดียวกัน ก็มีคนนอกพื้นที่มาตามหาคนหายเช่นกัน
