ยายวัย 79 ปี หลงกลแก๊งคอลเซนเตอร์ โอนเงินไปแล้ว 4 ล้านบาท เตรียมโอนเพิ่มอีก 3 ล้านบาท

ยายวัย 79 ปี หลงกลแก๊งคอลเซนเตอร์ โอนเงินไปแล้ว 4 ล้านบาท เตรียมโอนเพิ่มอีก 3 ล้านบาท

View icon 13.1K
วันที่ 25 ก.ย. 2568 | 19.53 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
จากกรณีมีภาพตำรวจ สภ.บ้านบึง กำลังเจรจาพูดคุยกับคุณยายอายุ 79 ปี ที่กำลังจะถอนเงินจากธนาคารเพื่อโอนเข้าอีกบัญชีหนึ่ง ซึ่งเป็นบัญชีม้าของมิจฉาชีพ โดยตำรวจได้อธิบายรูปแบบการพูดจาหว่านล้อมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้คุณยายทราบ กระทั่งคุณยายได้สติ จนนยกเลิกการถอนเงิน เพื่อจะนำไปโอนให้มิจฉาชีพที่โทรมาหลอก ทำให้รอดจากการสูญเงินเพิ่มอีก 3 ล้านบาท 

ต่อมาวันนี้ (25 ก.ย. 68) เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ผ่านมา พ.ต.ท.เอกชัย ภาควัตร รอง ผกก.สภ.บ้านบึง ได้ให้ข้อมูลว่า ผู้เสียหายเป็นผู้สูงอายุ ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นตำรวจโทรศัพท์มาหา และแจ้งว่าคุณยายมีส่วนเกี่ยวกับกับการทำผิดกฏหมาย บัญชีธนาคารมีส่วนกับการฟอกเงิน มีหมายจับของตำรวจ ถ้าไม่อยากให้ถูกดำเนินคดีจะต้องโอนเงินเข้ามาให้ตรวจสอบ จากนั้นจึงหว่านล้อมให้มีการสนทนาผ่านไลน์ ทางผู้เสียหายหลงเชื่อ เกรงว่าจะได้รับโทษ จึงทำตามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถ้าไม่ทำจะต้องถูกจับดำเนินคดี โดยเท่าที่ทราบตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย. 68 คุณยายได้สูญเงินจากการโอนเงินในบัญชีของตนเองไปยังบัญชีม้าไปแล้ว 2 ครั้ง รวม 4 ล้านบาท

จากนั้นวันที่ 24 ก.ย. 68 ก็เตรียมจะมาเบิกเงิน เพื่อโอนให้มิจฉาชีพอีก 3 ล้านบาท แต่ทางญาติของคุณยายทราบเรื่องเสียก่อน จึงประสานเจ้าหน้าที่ธนาคาร และทางธนาคารก็แจ้งตำรวจมาตรวจสอบ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหน่วยงานตำรวจไม่มีการโทรศัพท์แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบ หรือกระทำการให้โอนเงินเข้ามาตรวจสอบอย่างที่คุณยายเข้าใจ จึงอธิบายให้คุณยายได้ทราบถึงกลโกงของมิจฉาชีพ การหว่านล้อมด้วยคำพูด การข่มขู่ให้เกิดความกลัวแล้วคล้อยตาม

ด้าน ร.ต.ต.วิทยา คำโสภา รอง สว.สส. สภ.บ้านบึง กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากผู้จัดการธนาคาร ว่ามีหญิงผู้สูงอายุมาเบิกเงินจำนวน 3 ล้านบาท  โดยมาคนเดียว ขอให้ช่วยสอบถามรายละเอียด เนื่องจากเกรงว่าจะถูกแก็งคอลเซ็นอตอร์หลอก จึงรีบมาที่ธนาคาร เมื่อมาถึงทางผู้จัดการธนาคารได้เชิญตนเข้ามาพูดคุยที่ห้อง และก็ได้พบกับหลานของคุณยายผู้เสียหายด้วย โดยหลานผู้เสียหายได้ให้ข้อมูลว่า คุณยายมีการใช้โทรศัพท์มือถืออยู่ตลอดเวลา ไม่ยอมวางสาย ไม่เชื่อคำเตือนของใคร ต้องการที่จะมาเบิกเงินและโอนเงินที่เบิกไปยังเลขบัญชีที่ปลายสายให้ไว้อย่างเดียว เป็นเรื่องที่ผิดสังเกต

เมื่อทราบเช่นนั้นจึงประสานไปยัง พ.ต.ท.ศราวุธ ปานะเจริญ ผู้บังคับบัญชา ซึ่งเคยรับผิดชอบเกี่ยวกับคดี ไซเบอร์มาก่อน ให้รีบมาช่วยเจรจา ให้คุณยายตั้งสติ พร้อมกับเช็กในระบบของตำรวจเกี่ยวกับบุคคลที่ถูกออกหมายจับ และคดีอาญา ปรากฏว่าไม่พบชื่อของคุณยายเป็นผู้มีคดีติดตัว หรือมีหมายจับแต่อย่างใด ทำให้คุณยายได้ตรึกตรอง จากนั้นจึงได้ทำการยกเลิกการเบิกเงินเพื่อจะโอนไปยังบัญชีม้า จนรอดพ้นการสูญเสียเงินเพิ่มอีก 3 ล้านบาทให้กับแก๊งคอลเซนเตอร์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง