วันนี้ (27 ก.ย. 68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยาว่า ตอนนี้เกิดสถานการณ์น้ำท่วม
โดยได้สั่งการเร่งให้ดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาตามเกณฑ์ของ ปภ. เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาได้มีการเปลี่ยนรัฐบาล ทำให้ล่าช้าไป ดังนั้นหลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ก็จะดำเนินการทันที เพราะความทุกข์ร้อนของประชาชนรอนานไม่ได้ ซึ่งก็จะมีการลงพื้นที่อื่น ๆ อีก แต่ว่า ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยเกิดที่ภาคกลาง
ขณะเดียวกัน มีแผนที่จะต้องเร่งโครงการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนโครงการที่ระบายทางน้ำ ด้วยการศึกษาทางระบายน้ำตอนใต้เขื่อนเจ้าพระยา ที่ จ.ชัยนาท ลงอ่าวไทย
ส่วนเม็ดเงินที่จะมาทำโครงการนี้จำนวนประมาณ 100,000 ล้านบาท ถามว่า เยอะหรือไม่ แต่ต้องใช้เวลา 7-8 ปี ตกปีละ 10,000 กว่าล้านบาท ซึ่งไม่ได้เยอะ เพราะต้องรีบทำพื้นฐานให้เรียบร้อย เพื่อให้โครงการฯ นี้เกิดขึ้น ถ้าเทียบกับเงินช่วยเหลือเยียวยาว ที่ต้องจ่ายให้ทุกปี ปีละ 30,000 - 40,000 ล้านบาท ก็เป็นจำนวนเงินที่มากกว่าไปทำโครงการที่เป็นถาวรวัตถุ
ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการระบายน้ำ และผันน้ำออกจากพื้นที่ภาคกลางได้ ก็จะแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว เพราะการมาเจอชาวบ้านทุกปีแบบนี้ไม่ไหว มาแล้วก็ต้องมาขอโทษ นำถุงยังชีพมาให้ ซึ่งชาวบ้านไม่ได้อยากได้ ดังนั้น ต้องสร้างโครงการที่แก้ไขปัญหาระยะยาว ซึ่งพวกตนเองจะทำ
ส่วนเวลาที่มีอยู่ของรัฐบาล จะสามารถดำเนินโครงการช่วยบรรเทาปัญหาซ้ำซากได้หรือไม่ นายอนุทิน ระบุว่า โครงการต่าง ๆ รัฐบาลไหน ก็ไม่สามารถแล้วเสร็จ ภายในอายุรัฐบาลได้ แต่เราต้องตัดสินใจเริ่ม ไม่ไปคิดว่า ไปตัดแข้งตัดขาใคร
ซึ่งไม่ว่า โครงการดังกล่าวใครจะนำเสนอขึ้นมา อยู่พรรคไหนพวกไหน แต่ถ้าประชาชนได้ประโยชน์ ตนขอให้คำยืนยัน เพราะนิสัยของตนเอง ไม่สนใจว่า ใครจะได้เครดิต ถ้าหากได้ประโยชน์สูงสุด ใครเสนอมา ตนก็เห็นชอบหมด
เมื่อถามว่า ถ้าเริ่มแล้ว ครั้งหน้าจะหวังกลับมาสานงานต่อหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “เราก็ต้องหวัง” ซึ่งต้องทำงานให้ประชาชนมั่นใจ และเชื่อใจว่า เรามาแก้ไขปัญหาจริง และรักษางบประมาณของประเทศ เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ ต้องไม่หายไปไหน ต้องถูกใช้เพื่อประโยชน์ของประเทศ และเชื่อว่า ประชาชนจะให้โอกาสเรากลับมาสานต่อ