ข่าวภาคค่ำ - ปิดฉากการแถลงนโยบายไปเรียบร้อยแล้วเมื่อ 18.00 น. ที่ผ่านมา โดยบรรยากาศการแถลงนโยบายวันสุดท้าย เป็นไปอย่างดุเดือดตั้งแต่ช่วงเช้า ที่มีการโต้ตอบกันระหว่าง นายกรัฐมนตรี กับ นางสาวจิราพร
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลุกขึ้นตอบโต้ นางสาวจิราพร สินธุไพร สส.พรรคเพื่อไทย หลังจากอภิปรายตั้งข้อสังเกตว่า นายกฯ ใช้เวลา 3 เดือน จัดตั้งรัฐบาล เป็นไปตามที่ผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน บอกว่า ประเทศไทยจะเปลี่ยนนายกฯ ในอีก 3 เดือน ซึ่งสอดคล้องราวกับจับวาง
นายอนุทิน จึงยืนยันว่า ไม่รู้จักกับผู้นำกัมพูชาส่วนตัว ไม่มีการตกลงเบื้องหลัง มีแค่เพื่อน ไม่มีลุง ไม่มีอังเคิล เพราะเพิ่งเคยพบกับ สมเด็จฮุน เซน ครั้งแรก ตอนที่ติดตาม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เยือนประเทศกัมพูชา เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่พอกลับมา มีเพื่อนโทรมาบอกว่า จะถูกปลดออกจากรัฐมนตรี ทำให้ นางสาวจิราพร ลุกขึ้นประท้วงว่า นายอนุทินว่า กำลังเล่าซีนดรามา ขณะที่นายอนุทินก็โต้กลับนายจิราพรเช่นกัน
ส่วน นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เปรียบการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดนี้ เป็นรัฐบาลนอมินีบุรีรัมย์ เพราะเป็นระบบอุปถัมภ์เพื่อพวกพ้อง ถ้าจะตั้งกันแบบนี้ แนะนำให้ตั้ง กระทรวงบุรีรัมย์ ไปเลยดีกว่า ทำให้ นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นตอบโต้ว่า พรรคเพื่อไทยก็เคยนำคนเป็นลูก มาเป็นนายกฯ การจะตั้งคนบุรีรัมย์ เป็นรัฐมนตรีไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องดูที่การกระทำ
ขณะที่ นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ออกมาแฉว่า มีคนติดต่อผ่านเพื่อนสมาชิกมาหาตน ให้เงิน 40 ล้านบาทต่อเดือน ไม่ให้จับแก๊งคอลเซนเตอร์ ทำให้สงสัยถึงประเพณีปฏิบัติของรัฐมนตรีที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร แต่ได้ปฏิเสธไปแล้ว
ด้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงคุณสมบัติของรัฐมนตรี เพราะหลายคนขาดความเชี่ยวชาญในวิชาชีพ และประวัติมีรอยด่างพร้อย
เช่น ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ประวัติมีเงื่อนงำ พัวพันคดีความในอดีตที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ จนถูกศาลตัดสินจำคุก แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่า ไม่ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีตามกฎหมายไทย แต่ย่อมนำมาซึ่งข้อสงสัยและการตั้งคำถามถึงคุณธรรมและจริยธรรม
ขณะที่ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงว่า นายอนุสรณ์อภิปรายในเรื่องเก่า ๆ จำได้ว่า นายอนุสรณ์เคยมาคุยจะขอมาร่วมอุดมการณ์กับพรรคกล้าธรรม วันนั้นยังชื่นชมว่า ทำงานได้ดี แต่วันนั้นกับวันนี้ต่างกันราวฟ้ากับดิน
สิ่งที่นายอนุสรณ์พูด ตนเองได้ผ่านกระบวนการยุติธรรมมาหมดแล้ว
ขณะที่ นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ประเทศเปลี่ยนนายกฯ มา 3 คน มีความเห็นต่างกัน แต่เหมือนกันอย่างเดียว คือ รวยเหมือนกัน แต่สวนทางกับประชาชนที่ยากจนลง รายได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยนับล้านคน และอายุสภาฯ ก็สั้นลงเหลือ 1 ปี เป็นการบ้านของรัฐบาลที่ต้องทำงานตามที่พูดไว้ ซึ่งนายกฯ มีเวลาพิสูจน์ว่า คนรวยมาเป็นนักการเมืองที่ไม่โกงก็มี
ส่วน นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงต่อนโยบายต่างประเทศ และความขัดแย้งไทย-กัมพูชา โดยยืนยันว่า ในการไปชี้แจงในการประชุมสหประชาติ ไม่ได้ทะเลาะ แต่มีหน้าที่ในฐานะผู้แทนไทย ปกป้องประเทศ และศักดิ์ศรีของไทย หากกัมพูชาพร้อมจะเจรจา ประเทศไทยก็ต้องเจรจา แต่ขณะนี้กัมพูชายังไม่แสดงความจริงใจในการเจรจา
หลังจากนั้น นายอนุทินได้กล่าวขอบคุณประธานรัฐสภา และสมาชิกรัฐสภา ที่ให้ข้อเสนอแนะและคำวิจารณ์ เพื่อให้รัฐบาลนำไปปฏิบัติ และต้องขออภัยผู้อภิปรายบางท่านที่จำเป็นต้องลุกขึ้นตอบโต้ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง ยืนยันว่าอีก 4 เดือน จะยุบสภา และอีกไม่เกิน 2 เดือน จะได้เลือกตั้ง รับรองว่า ไม่ใช่รัฐบาลเป็ดง่อย จากนั้นเวลา 18.17 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาจึงได้สั่งปิดการประชุม