สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 30 กันยายน 2568

สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 30 กันยายน 2568

View icon 94
วันที่ 30 ก.ย. 2568 | 17.43 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
Open World เปิดโลกรายวัน : สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 30 กันยายน 2568

1.พายุ “บัวลอย” ถล่มเวียดนาม คร่าแล้ว 26 ชีวิต
พายุไต้ฝุ่น "บัวลอย" ที่เคลื่อนขึ้นฝั่งของเวียดนามได้พัดถล่มชายฝั่งหลายจังหวัดบริเวณภาคกลางตอนบน โดยกระแสลมแรงและฝนที่ตกหนักทำให้บ้านเรือนกว่า 135,000 หลัง ได้รับความเสียหาย เสาไฟฟ้าและต้นไม้หักโค่น น้ำท่วมถนน ไร่นาเกือบ 160,000 ไร่ ถูกน้ำท่วม พื้นที่บางส่วนถูกตัดขาด และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 26 คนแล้ว สูญหาย 22 คน และบาดเจ็บอีก 105 คน ขณะที่ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกำลังเร่งฟื้นความความเสียหาย รวมทั้งตัดต้นไม้ที่กีดขวางเส้นทางสัญจร ส่วนชาวเมืองก็พากันเริ่มทำความสะอาดบ้านเรือนของตนเองหลังจากประเมินความเสียหายแล้ว

ด้านสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของเวียดนามรายงานว่า พายุไต้ฝุ่น "บัวลอย" ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน และมุ่งหน้าสู่ สปป.ลาว หลังจากเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามในช่วงเช้ามืดวันจันทร์ (29 ก.ย.) และทำให้มีคลื่นสูงถึง 8 เมตร

ขณะนี้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง

2.อาคารโรงเรียนถล่ม นักเรียน 38 คน ติดใต้ซากที่อินโดฯ
เจ้าหน้าที่กู้ภัยอินโดนีเซียเร่งค้นหาผู้สูญหาย 38 คน ซึ่งคาดว่าติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังของโรงเรียนประจำอัลโคซินี (Al Khoziny) ของศาสนาอิสลาม ที่ถล่มลงมาในเมืองซิโดอาร์โจ (Sidoarjo) จังหวัดชวาตะวันออก (East Java) ห่างจากกรุงจาการ์ตา ไปทางตะวันออกราว 780 กิโลเมตร เหตุเกิดระหว่างการละหมาดช่วงบ่ายของวันจันทร์ที่ผ่านมา (29 ก.ย.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และมีผู้รอดชีวิตถูกช่วยเหลือออกมาได้ 99 คน โดยราว 80 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

โฆษกหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยกล่าวว่า อาคารที่มีสภาพไม่มั่นคงดังกล่าวพังถล่มลงมาระหว่างการก่อสร้าง ทำให้วัสดุก่อสร้างหล่นใส่นักเรียนและคนงาน โดยรากฐานของอาคารไม่สามารถรองรับน้ำหนักของโครงสร้างอาคารที่ชั้น 4 ที่กำลังก่อสร้างได้ ขณะที่ ทางการได้ส่งรถขุดและเครนเข้าไปเคลื่อนย้ายซากอาคาร แต่เลี่ยงการใช้งานเครื่องจักรหนัก เนื่องจากเกรงว่าโครงสร้างที่เหลือจะพังถล่มลงมาซ้ำ

ด้าน "คอมปัสทีวี" (KompasTV) สื่อท้องถิ่นของอินโดนีเซีย เผยภาพขณะครอบครัวของนักเรียนยืนล้อมรอบกระดานไวท์บอร์ดด้วยความหวาดหวั่นเพื่อดูรายชื่อผู้รอดชีวิต

3.สหรัฐฯ-อิสราเอล เห็นชอบแผนสันติภาพฉนวนกาซาฉบับใหม่
ในระหว่างการเดินทางเยือนทำเนียบขาว ของสหรัฐฯ วานนี้ (29 ก.ย.) นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ประกาศสนับสนุนข้อเสนอฉบับใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่จะยุติสงครามในฉนวนกาซา

โดยผู้นำอิสราเอลกล่าวขณะแถลงข่าวรวมกับประธานาธิบดีทรัมป์ว่า "แผนการนี้จะนำตัวประกันทั้งหมดกลับคืนสู่อิสราเอล ปลดขีดความสามารถทางทหารของกลุ่มฮามาส ยุติการปกครองทางการเมือง และรับรองว่าฉนวนกาซาจะไม่เป็นภัยคุกคามต่ออิสราเอลอีกต่อไป"

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูยังย้ำอีกว่า ฉนวนกาซาจะต้องมีรัฐบาลพลเรือนที่ไม่ได้บริหารโดยกลุ่มฮามาส (Hamas) หรือองค์การบริหารปาเลสไตน์ (Palestinian Authority) ขณะเดียวกัน เขายังแสดงความชื่นชมต่อจุดยืนของทรัมป์ที่มีต่อองค์การบริหารปาเลสไตน์ โดยกล่าวว่าองค์การบริหารปาเลสไตน์จะไม่สามารถมีบทบาทในฉนวนกาซาได้หากปราศจากการปฏิรูปที่สำคัญ

4.สหรัฐฯ พิจารณาส่งขีปนาวุธ “โทมาฮอว์ก” ให้ยูเครน
“เจดี แวนซ์” รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยกับสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ ของสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (28 ก.ย.) ว่า สหรัฐฯ กำลังพิจารณาคำขอของยูเครนที่ต้องการมีขีปนาวุธโทมาฮอว์ก (Tomahawks) ในครอบครอง โดยประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ได้ขอให้สหรัฐฯ ขายขีปนาวุธโทมาฮอว์กให้กับประเทศในยุโรปเพื่อส่งต่ออาวุธเหล่านี้ไปยังยูเครน ซึ่งขีปนาวุธดังกล่าวมีพิสัยการยิงถึง 2,500 กิโลเมตร ถือว่ามีพิสัยไกลพอที่จะโจมตีกรุงมอสโก ของสหรัฐฯ ได้อย่างง่ายดายหากถูกยิงออกจากยูเครน หลัง

ด้านดมีตรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซียตอบหลังถูกถามความเห็นเกี่ยวกับคำสัมภาษณ์ของรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่ารัสเซียกำลังวิเคราะห์รายละเอียดเกี่ยวกับขีปนาวุธโทมาฮอว์กอย่างรอบคอบ แต่ก็เชื่อว่าขีปนาวุธโทมาฮอว์กจะไม่เป็นตัวเปลี่ยนเกมในสงครามครั้งนี้

ขณะที่ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ชาติตะวันตกจะกลายเป็นคู่สงครามโดยตรง หากพวกเขาจัดหาข้อมูลการกำหนดเป้าหมายและข่าวกรองเพื่อให้ยูเครนสามารถยิงขีปนาวุธเข้าไปในรัสเซียได้

5.เกาหลีเหนือ ลั่นกลางเวที UNGA ไม่ยุติโครงการนิวเคลียร์
“คิม ซอน กยอง” (Kim Son Gyong) รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือ กล่าวต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือ UNGA เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (29 ก.ย.) ว่าเกาหลีเหนือจะไม่มีวันละทิ้งโครงการนิวเคลียร์ โดยให้เหตุผลว่า "การบังคับใช้การปลดอาวุธนิวเคลียร์ต่อเกาหลีเหนือเท่ากับเรียกร้องให้เกาหลีเหนือสละอำนาจอธิปไตยและสิทธิในการดำรงอยู่ และละเมิดรัฐธรรมนูญ" ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เกาหลีเหนือส่งผู้แทนจากกรุงเปียงยางไปกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่ประจำปีของผู้นำโลก นับตั้งแต่รัฐมนตรีต่างประเทศเดินทางไปนิวยอร์ก ในปี 2561

นอกจากนี้ ผู้แทนเกาหลีเหนือกล่าวว่า "ต้องขอบคุณรัฐของเราที่เพิ่มการยับยั้งสงครามทางกายภาพที่เป็นไปตามสัดส่วนของภัยคุกคามจากการรุกรานที่เพิ่มมากขึ้นของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร ซึ่งเจตนารมณ์ของรัฐศัตรูที่จะยั่วยุให้เกิดสงครามนั้นถูกควบคุมอย่างทั่วถึง และความสมดุลของอำนาจบนคาบสมุทรเกาหลีก็ได้รับการประกัน"

ทั้งนี้ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาต้องการพบกับ คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ภายในปีนี้ แต่ผู้นำเกาหลีเหนือได้เพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าของทรัมป์ที่ต้องการให้รื้อฟื้นการทูต เช่นเดียวกับที่เขาเคยใช้ในช่วงดำรงตำแหน่งปี 2560-2564