มือเท้าปาก กันยายนเดือนเดียว ใน กทม. เด็กเล็กถึง 9 ขวบ ป่วยเกือบหมื่นคน ต้องระวังภาวะแทรกซ้อน ส่วนไข้หวัดใหญ่ ป่วยมากทั้งกลุ่มเด็กและผู้ใหญ่
วันนี้ (1 ต.ค.68) นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคมือ เท้า ปาก ในกรุงเทพฯ จากข้อมูลระบบเฝ้าระวัง DDS ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. - 30 ก.ย.68 มีผู้ป่วยสะสม 10,344 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต คิดเป็นอัตราป่วย 239.99 ต่อประชากรแสนคน เขตที่พบอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนมากที่สุด 3 อันดับ คือ เขตราชเทวี (2,243.56) รองลงมาเขตบางนา (783.48) และเขตบางคอแหลม (713.20) ตามลำดับ
ในเดือนกันยายนผู้ป่วยมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยจำนวนผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 0 - 4 ปี (5,916 ราย) รองลงมา 5 - 9 ปี (3,690 ราย) และ 10 - 14 ปี (494 ราย) ตามลำดับ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีสัญชาติไทย (7,811 ราย) และเมียนมา ลาว กัมพูชา (337 ราย)
โรคมือ เท้า ปาก พบได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในฤดูฝน สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อไวรัสกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) สายพันธุ์ที่พบบ่อยคือ Coxsackievirus A6 ซึ่งมักไม่รุนแรง แต่อีกสายพันธุ์ที่น่ากังวล คือ Enterovirus 71 (EV71) เนื่องจากอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหรือก้านสมองอักเสบ จนเสี่ยงที่จะเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ทารกและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ โดยเฉพาะในสถานรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียนอนุบาล หรือสถานที่แออัดที่สุขอนามัยไม่ดี หากมีอาการรุนแรง ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที
สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ ในกรุงเทพฯ พบว่ามีผู้ป่วยสะสม 124,091 ราย เสียชีวิต 2 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 2,314.53 ต่อประชากรแสนคน อัตราตาย 0.037 ต่อประชากรแสนคน พบอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนมากที่สุด 3 อันดับ คือ เขตบางรัก (14,657.36) รองลงมาเขตราชเทวี (12,931.42) และเขตพญาไท (8,644.86) ตามลำดับ
เดือนกันยายนผู้ป่วยมีแนวโน้มสูงขึ้น จำนวนผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 30 - 39 ปี (19,795 ราย) รองลงมา 5 - 9 ปี (19,416 ราย) และ 20 - 29 ปี (17,998 ราย) ตามลำดับ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีสัญชาติไทย (96,143 ราย) และเมียนมา ลาว กัมพูชา (1,504 ราย) ตามลำดับ
