รมว.กต. พบทูตานุทูตจากต่างประเทศ ชี้แจงสถานการณ์ชายแดน ย้ำไทยไม่ต้องการเป็นศัตรูกับใคร ช่วยเหลือกัมพูชามาตลอด ไม่เคยทวงบุญคุณ บนเวทียูเอ็น กัมพูชากลับคำ ใส่ร้าย จึงต้องปรับถ้อยแถลงเพื่อตอบโต้
วันนี้ (1 ต.ค.68) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการประชุม บรรยายเกี่ยวกับผลการเข้าร่วมการประชุม UNGA80 และสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้แก่คณะทูตอุปทูต และผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย ได้รับฟังว่า วันนี้ถือว่าเป็นการรับหน้าที่และเข้าทำงานวันแรกอย่างเป็นทางการในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หลังจากที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไปแล้ว ตนมีเวลา 4 เดือน ในการทำหน้าที่จึงขอใช้เวลาทุกนาทีให้เป็นประโยชน์
“วันนี้จึงได้เชิญคณะทูตนานาชาติ ประจำประเทศไทย เข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ว่าในระยะที่ตนเองทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะมีแนวทางการทำงานอย่างไร เน้นเรื่องการพาประเทศไทยกลับเข้าสู่จอเรดาร์ เป็นการพูดที่ครอบคลุมหลายมิติ ทั้งทางด้านการเมืองความมั่นคงและเศรษฐกิจ”
นายสีหศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ตนยังได้เล่าถึงผลการประชุมสหประชาชาติ ครั้งล่าสุดด้วยว่า เป็นโอกาสสำคัญที่จะแสดงให้ นานาชาติเห็นว่า ไทยมีแนวคิด และอยากมีบทบาท ที่มีมีความหมายต่อเวทีระหว่างประเทศ รวมถึงแสดงให้เห็นว่าไทยมีจุดยืนในประเด็นที่สำคัญต่าง ๆ อย่างไร ในถ้อยแถลงที่ได้กล่าวบนเวทีใหญ่ยังได้พูดถึงสถานการณ์ที่ฉนวนกาซา ภาวะโลกร้อน การค้าและความมั่นคงของมนุษย์ สิทธิเด็กและสตรี เป็นต้น
นอกจากจะได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงในเวทีสหประชาชาติแล้ว ตนยังได้พบรัฐมนตรีต่างประเทศ ของหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ที่ถือว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาอย่างยาวนาน รวมทั้งเป็นประธานอนุสัญญาออตตาวา จึงได้เล่าเหตุการณ์ที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาให้ฟัง ซึ่งไทยจะทำเรื่องร้องเรียนประท้วงไปอย่างต่อเนื่อง ทางญี่ปุ่นรับทราบแล้วและกำลังจะมีการประชุมใหญ่ประเทศพันธมิตรในอนุสัญญาออตตาวา ในช่วงเดือนธันวาคมนี้ ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดของการแก้ไขปัญหานี้คือต้องเร่งเก็บกู้ทุนระเบิดร่วมกัน
ขณะเดียวกันยังได้พบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย ที่กำลังจะเป็น ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีเพราะรัสเซียมีความต้องการที่จะเป็นพันธมิตรกับไทยในด้าน เศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม นายสีหศักดิ์ มองว่าการนำปัญหาชายแดนไทยกัมพูชาไปสู่เวทีนานาชาติ จะเป็นโอกาสในการช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ และยังได้พบกับเลขาธิการสหประชาชาติด้วย ได้มีการรายงานถึงสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่ยืนยันว่าไทยต้องการอยู่อย่างสันติกับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศ ต้องการให้ประเทศเพื่อนบ้านมีความก้าวหน้า เพราะความก้าวหน้าของเพื่อนบ้านจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทย
ส่งนการกล่าวถ้อยแถลงบนเวทีสหประชาชาติ เกี่ยวกับสถานการณ์ไทย-กัมพูชา เพื่อเป็นการตอกย้ำว่า ไทยไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับใคร ไทยกับกัมพูชาก็ไม่ควรเป็นศัตรูกัน ไทยพร้อมเจรจาเพื่อแก้ปัญหาโดยสันติวิธี แต่จำเป็นต้องมีพื้นที่พูดคุยเพื่อแสดงความจริงใจระหว่างกัน ซึ่งตอนนี้พื้นที่ดังกล่าวยังไม่เปิด จึงจำเป็นต้องรักษาอธิปไตยของไทยเอาไว้อย่างดี พร้อมทั้ง เดินหน้าตามมติของที่ประชุมจีบีซี
นายสีหศักดิ์ เปิดเผยว่าในระหว่างการเดินทางไปร่วมประชุมสหประชาชาติอย่างมีโอกาสหารือนอกรอบ กับนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของกัมพูชา การเป็นนักการทูตด้วยกันแม้ประเทศจะมีความขัดแย้งแต่ก็ยังต้องมีการพูดคุยกัน เพื่อทำความเข้าใจกัน รวมทั้งในการประชุมนอกรอบที่เกิดขึ้นโดยมีสหรัฐอเมริการ่วมประชุมด้วย ซึ่งไทยได้พยายามยืนยันว่าต้องการให้การพูดคุยเดินหน้าต่อไป เพื่อทำให้บรรยากาศของความสัมพันธ์ดีขึ้น ซึ่งตอนนั้น ก็เป็นไปอย่างที่คุยกัน
แต่เช้าวันรุ่งขึ้น กัมพูชาขึ้นกล่าวถ้อยแถลงบนเวทีสหประชาชาติกล่าวหาไทย ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงที่เกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องปรับถ้อยแถลงของตัวเองเพื่อเป็นการตอบโต้ ให้เห็นเจตนาที่ชัดเจนและแท้จริงของไทย และที่ผ่านมาเคยช่วยเหลือกัมพูชามาตลอด ทั้งการเข้าไปเจรจากับกลุ่มต่าง ๆ ในกัมพูชา จนประสบความสำเร็จ ทั้งหมดไม่ใช่การทวงบุญคุณ
ส่วนการฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูต ต้องยอมรับว่า ขณะนี้สถานการณ์ตามแนวชายแดนยังปกติ จึงต้องหาวิธีการทำให้สถานการณ์มีความปลอดภัยและสงบ จนประชาชนสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ