ห้องข่าวภาคเที่ยง - ชาวบ้าน อำเภอน้ำยืน ที่อพยพไปอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราว อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี ทยอยเดินทางกลับบ้านกันแล้ว วันนี้เป็นกลุ่มสุดท้าย ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วย และผู้ป่วยติดเตียง ก่อนจะปิดศูนย์ฯ
หลังจากที่ชาวบ้านหลายตำบลในพื้นที่ชายแดน อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ไม่มั่นใจสถานการณ์ อพยพหนีการปะทะบริเวณช่องอานม้า เมื่อวันที่ 27 กันยายน ไปอยู่ตามศูนย์พักพิงชั่วคราว 95 แห่งในพื้นที่ อำเภอเดชอุดม พอไม่มีปะทะเพิ่มและเหตุต่างคลี่คลาย ทำให้ชาวบ้านมั่นใจ เริ่มอพยพกลับบ้านตนเอง ทำให้ศูนย์พักพิงหลายศูนย์เริ่มทยอยปิดตัว
เหลือเพียงศูนย์วัดเมืองเดช และหอประชุมอำเภอเดชอุดม ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่ช่วยตัวเองไม่ได้ และผู้ป่วยติดเตียง 27 คน แยกเป็นจาก อำเภอน้ำยืน 17 คน และอำเภอนาจะหลวย 10 คน ผู้ป่วยจิตเวช 1 คน, วัณโรค 1 คน และมีญาติที่ต้องดูแลผู้ป่วยอีกจำนวนหนึ่ง
โดยเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่ ได้นำรถพยาบาล และรถกู้ชีพ เข้าไปรับผู้ป่วยส่งกลับบ้าน คาดว่าในช่วงบ่ายวันนี้น่าจะส่งผู้ป่วยที่เหลือทั้งหมดได้ ก่อนจะปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว จากการพูดคุยกับญาติผู้ป่วย ยอมรับว่า อพยพมาได้ 4 วัน ลำบากมากในการอพยพแต่ละครั้ง เพราะไม่มีรถ พ่อป่วยเป็นอัมพฤกษ์ อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ และทหารจัดการปัญหาชายแดนให้จบเร็ว ๆ และอย่าลืมเงินเยียวยาชาวบ้าน ยังไม่ได้รับเลย
ขณะที่ชาวบ้านชายแดน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เริ่มใช้ชีวิตกันตามปกติ กลับมาเปิดร้านขายของ แม้จะยังไม่แน่ใจในสถานการณ์ แต่ก็เชื่อมั่นในแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ หากเกิดปะทะรอบใหม่ ก็พร้อมอพยพ แต่ขอให้ทหารไทย จัดให้หนัก เอาให้จบ
ส่วนเสียงสะท้อนของ นายสุธีร์ บุญแต่ง อายุ 60 ปี ปู่ของน้องน้ำโขง หรือ เด็กชายธิติวัฒน์ อายุ 8 ขวบ ที่เสียชีวิตจากจรวด BM21 ของกัมพูชา ที่ยิงตกลงมาใส่บ้านพักในพื้นที่ อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ฝากถึงแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ ว่าอยากให้แม่ทัพคนใหม่เด็ดขาด จัดการให้จบโดยเร็ว เพราะถ้าหากยังคาราคาซังอยู่ก็จะมีผลต่อการดำรงชีวิตของพวกเรา ไม่อยากให้ยืดเยื้อ ให้จบโดยเร็ว ชาวบ้านจะได้ทำมาหากินอย่างสงบสุข ถ้ายืดเยื้อต่อไปคงต้องหวาดระแวง ไม่รู้ว่าจะเกิดสงครามอีกเมื่อไหร่ จะทำให้ชาวบ้านอยู่อย่างลำบากและหวาดระแวง
