คนร้ายปล้นทองหนัก 400 บาท อุกอาจ จ.นราธิวาส

View icon 150
วันที่ 6 ต.ค. 2568 | 07.01 น.
สนามข่าว 7 สี
แชร์
สนามข่าว 7 สี - โจรใต้บุกปล้นร้านทองในห้างค้าปลีก ใน อำเภอสุไหงโก-ลก ได้ทองคำไปน้ำหนัก 400 บาท หรือประมาณ 6 กิโลกรัม

เมื่อเวลา 18.19 น. คนร้ายที่มีอาวุธครบมือ ได้ใช้รถกระบะเป็นพาหนะขับเข้าไปจอดในลานจอดรถ ในห้างค้าปลีก อำเภอสุไหงโก-ลก ก่อนที่คนร้ายที่มีอาวุธปืนสงครามครบมือจะบุกเข้าควบคุม รปภ. ที่กำลังอยู่ในป้อม ไปรวมกันอยู่กลางลานจอดรถของห้างฯ และทิ้งให้คนร้าย 1 คน คอยควบคุมตัวไว้

จากนั้น 18.20 น. คนร้ายที่เหลืออีก 7 คน ได้บุกเข้าไปในห้าง และพยายามส่งสัญญาณให้ทุกคนที่อยู่ในห้างอยู่ในความสงบ โดยขณะนั้นคนร้ายพบ สิบเอก บุริศวร์ ระดาชัย สังกัดชุดปฏิบัติการรบพิเศษที่ 408 ที่กำลังเดินซื้อของไปปรับปรุงฐานปฏิบัติการอยู่ในห้างฯ จึงใช้อาวุธปืนยิงใส่ สิบเอก บุริศวร์ จนได้รับบาดเจ็บ

จากนั้น เวลา 18.25 น. คนร้ายได้ตรงเข้าไปที่ร้านทองที่ตั้งอยู่ด้านใน และแยกย้ายกันทุบตู้กระจก และกวาดเอาทองคำทั้งหมดในร้านที่มีน้ำหนักประมาณ 400 บาท ไป

จากนั้น คนร้ายได้กลับไปขึ้นรถกระบะ และขับออกไปจากลานจอดของห้างฯ และขับหลบหนีมุ่งหน้าไปทาง อำเภอสุไหงปาดี และได้ทิ้งวัตถุต้องสงสัย 2 จุด พร้อมกับวางตะปูเรือใบ จุดกลับรถหน้าห้างดังกล่าว 1 จุด และจุดที่ 2 คือ แยกอรกานต์ ขณะนี้ ตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลก ได้ปิดกั้นพื้นที่โดยรอบจุดเกิดเหตุ พร้อมประสานหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย บริเวณจุดกลับรถหน้าห้างฯ ที่เกิดเหตุ พบเป็นตะปูเรือใบที่ถูกคนร้ายวางไว้ และได้เข้าช่วยเหลือ สิบเอก บุริศวร์ ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก นอกจากนี้ ยังพบ นายจิรศักดิ์ อายุ 30 ปี ที่อยู่ในอาการตกใจหลังถูกคนร้ายจับเป็นตัวประกัน

ต่อมาช่วง 19.30 น. วัตถุต้องสงสัยที่คนร้ายทิ้งไว้ เป็นถังก๊าซหุงต้ม ได้เกิดระเบิดขึ้นบนถนนมัสยิดแยกอรกานต์ ซึ่งห่างจากห้างที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร แต่ไม่มีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยวันนี้ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดจะเข้าตรวจสอบอีกครั้ง ส่วนรถกระบะที่ใช้ก่อเหตุคาดว่าเป็นหนึ่งในรถที่คนร้ายก่อเหตุปล้นไปจากชาวบ้านลูโบ๊ะบาตู หมู่ที่ 4 ตำบลปะลุรู อำเภอสุไหงปาดี จำนวน 2 คัน

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ปัจจุบันกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกส่วน เร่งติดตามเส้นทางการหลบหนีของกลุ่มผู้ก่อเหตุเพื่อนำมาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากพบว่าผู้ก่อเหตุได้มีการกระทำในลักษณะการวางแผนมาล่วงหน้า ทั้งการโจรกรรมรถยนต์ของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเป็นรถที่ใช้ในการก่อเหตุ รวมทั้งการตรวจพบวัตถุต้องสงสัยเพิ่มเติมในเส้นทางการหลบหนี

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่ติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งหากพบเบาะแสของกลุ่มผู้ก่อเหตุสามารถแจ้งผ่านทางสายด่วนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าได้ในทันที

ข่าวที่เกี่ยวข้อง