Open World เปิดโลกรายวัน : สรุปข่าวรอบโลกประจำวันที่ 7 ต.ค.68
1.รวบหมออินเดีย เอี่ยวคดีเด็กกินยาแก้ไอตาย 14 คน
จากกรณีที่ พบเด็กเสียชีวิตอย่างน้อย 14 คน ที่รัฐมัธยประเทศ ทางตอนกลางของอินเดีย หลังจากกินยาแก้ไอ ซึ่งมีสารไดเอทิลีนไกลคอล (Diethylene Glycol) สูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดเกือบ 500 เท่า ล่าสุด ตำรวจอินเดียได้จับกุมนายแพทย์ประวีณ โซนี (Praveen Soni) ซึ่งเป็นผู้รักษาและจ่ายยาให้เด็กส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เรียบร้อยแล้ว พร้อมตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา รวมทั้งยังตั้งข้อหาบริษัท "ศรีสัน ฟาร์มา" ผู้ผลิตยาแก้ไอดังกล่าว ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาและฝ่าฝืนพระราชบัญญัติยาฯ ด้วย ซึ่งหากถูกตัดสินว่ามีความผิด บริษัทและเจ้าหน้าที่อาจต้องเสียค่าปรับและจำคุกตลอดชีวิต
ขณะที่หลายรัฐทั่วอินเดียได้เริ่มการตรวจสอบร้านขายยาและคลังสินค้าเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการขายแก้ไอดังกล่าวอีกต่อไป
เจ้าหน้าที่ในรัฐทมิฬนาฑูทางตอนใต้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองศรีสัน พบว่า ยาแก้ไอดังกล่าว มีปริมาณไดเอทิลีนไกลคอล 48.6% ขณะที่ผลการทดสอบในรัฐมัธยประเทศพบว่า มีปริมาณ 46.28% ขีดจำกัดที่ได้รับอนุญาตจากทางการอินเดียและองค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ที่ 0.1%
2.กรุงฮานอย น้ำท่วมหนักจากอิทธิพลพายุ “แมตโม”
แม้พายุไต้ฝุ่น "แมตโม" (Matmo) จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนและหย่อมความกดอากาศต่ำ แต่ยังคงส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ทางตอนเหนือของเวียดนาม โดยเฉพาะที่กรุงฮานอย มีน้ำท่วมขังหลายพื้นที่ ถนนสายหลักในย่านตัวเมืองเกิดน้ำท่วมขัง รถจักรยานยนต์และรถยนต์ต้องติดอยู่บนถนน และประชาชนต้องลุยน้ำลึกเกือบถึงหัวเข่า ซึ่งเกิดจากระบบการระบายน้ำในเมืองหลวงไม่เพียงพอรองรับปริมาณน้ำฝนจำนวนมากที่ตกลงมาได้
โรงเรียนหลายแห่งต้องประกาศปิดเรียนหรือเปลี่ยนรูปแบบเป็นการเรียนแบบออนไลน์ ขณะที่ เที่ยวบินหลายเที่ยวทั้งขาเข้าและขาออกจากสนามบินนานาชาติโหน่ยบ่าย ต้องล่าช้าหรือต้องเลื่อนเที่ยวบิน
จากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่เกิดขึ้น ส่งผลให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งด้านรับมรสุมของภาคตะวันออกในวันนี้
3.นอร์เวย์ มอบทุนกว่า 38 ล้าน หนุนเก็บกู้ทุ่นระเบิดให้กัมพูชา
สำนักข่าว “ขแมร์ ไทมส์” ของกัมพูชา รายงานว่า ดร.ลี ทูจ รัฐมนตรีอาวุโส และรองประธานคนแรกของหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิดแห่งชาติกัมพูชา (CMAA) ได้ประชุมหารือกับ “แอสทริด เอมิลี เฮลล์” เอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำกัมพูชา ซึ่งจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของ CMAA ในกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของประเทศกัมพูชา เมื่อวานนี้ (6 ต.ค. 68)
โดย “ดร.ลี ทูจ” ได้แสดงความขอบคุณต่อการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของนอร์เวย์ โดยกล่าวว่า นอร์เวย์ไม่เพียงแต่เป็นผู้มอบเงินสนับสนุนเท่านั้น แต่ยังเป็นพันธมิตรที่แท้จริงของกัมพูชามานานกว่า 3 ทศวรรษ โดยนอร์เวย์ยืนหยัดเคียงข้างกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาทุ่นระเบิด และเศษซากวัตถุระเบิดจากสงครามในอดีต ได้อย่างประสบความสำเร็จ ซึ่งรวมถึงการกวาดล้างทุ่นระเบิด, การจัดการข้อมูล, การเพิ่มขีดความสามารถ และการวิจัย
ด้าน “แอสทริด เอมิลี เฮลล์” ได้แสดงความขอบคุณต่อความร่วมมืออันยาวนานกับรัฐบาลกัมพูชา และชื่นชมความสำเร็จของกัมพูชาในการดำเนินการกับทุ่นระเบิด ซึ่งยืนยันว่า “นอร์เวย์” จะยังคงสนับสนุนกัมพูชาต่อไป มอบทุนสนับสนุนจำนวน 1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 38 ล้านบาท ในระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2568-2570 จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายในการเป็นประเทศที่ปลอดจากทุ่นระเบิดและเศษซากวัตถุระเบิดจากสงคราม และได้แสดงความเสียใจต่อผลกระทบอันเลวร้ายจากความขัดแย้งระหว่างกัมพูชาและไทยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิต บาดเจ็บ และหลายหมื่นครอบครัวต้องพลัดถิ่นฐาน และหวังให้มีสันติภาพตามแนวชายแดน กัมพูชา-ไทย
4.เฮลิคอปเตอร์ทีมแพทย์ “ตก” บนทางหลวงในสหรัฐฯ
ช่วงหลัง 19 นาฬิกาวานนี้ (6 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ เกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ฉุกเฉินทางการแพทย์ตกบนทางหลวงหมายเลข 50 ในเมืองแซคราเมนโต รัฐแคลิฟอร์เนีย ในช่วงที่มีรถสัญจรพลุกพล่าน ส่งผลให้ผู้ที่อยู่บนเครื่องทั้ง 3 คน ได้แก่ นักบิน, พยาบาล และเจ้าหน้าที่แพทย์ฉุกเฉินได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส เคราะห์ดีที่จังหวะเครื่องตก นักบินพยายามประคองเครื่องไม่ให้ตกกระแทกพื้นอย่างรุนแรง มิฉะนั้นอาจเสียชีวิตยกลำในที่เกิดเหตุ ขณะที่ ทีมกู้ภัยและประชาชนจิตอาสาหลายคน ช่วยกันนำตัวผู้ที่ติดอยู่ภายในเฮลิคอปเตอร์ออกมา และรีบส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลใกล้เคียง
ทั้งนี้ เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล แต่ประสบอุบัติเหตุเครื่องตกขณะบินกลับ ส่วนสาเหตุเครื่องตกยังอยู่ระหว่างการสอบสวน
5.กัมพูชา เผย หางานให้แรงงานเขมรที่เดินทางกลับบ้านแล้วกว่า 3 แสนคน
สำนักข่าว “ขแมร์ ไทมส์” ของกัมพูชา รายงานว่า กระทรวงแรงงานและการฝึกอบรมวิชาชีพของกัมพูชา (MLVT) ประกาศว่า ในบรรดาแรงงานกัมพูชาประมาณ 940,000 คน ที่เดินทางกลับจากประเทศไทย นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทางกระทรวงฯ ได้จัดหางานให้กับแรงงานกัมพูชาแล้วกว่า 300,000 คน
โดย นายซุน เมซา โฆษกกระทรวงฯ ได้เผยกับสำนักข่าวของรัฐบาลกัมพูชา ว่า แรงงานส่วนใหญ่ได้ทำงานในภาคอุตสาหกรรม แต่ก็มีแรงงานบางกลุ่มได้ทำงานก่อสร้าง, เกษตรกรรม หรือบางคนก็เปิดธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งตัวเลขกว่า 300,000 คนนี้เป็นจำนวนผู้ที่ได้รับการจ้างงานในโรงงานและสถานประกอบการที่จดทะเบียนกับกระทรวงฯ อย่างเป็นทางการ และขณะนี้ยังมีโอกาสการจ้างงานอีกมากในภาคส่วนที่ไม่เป็นทางการ ซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในข้อมูลอย่างเป็นทางการของกระทรวงฯ
นอกจากนี้ นายซุน เมซา ยังย้ำถึงข้อดีของการทำงานในประเทศว่า การทำงานในประเทศกัมพูชานั้นปลอดภัยกว่า คุ้มค่ากว่า และมีสวัสดิการต่าง ๆ เช่น ประกันสุขภาพ, เงินสมทบกองทุนบำนาญ และค่าชดเชยอุบัติเหตุจากการทำงาน ซึ่งเทียบเท่าหรือดีกว่าการทำงานในต่างประเทศ