สืบนครบาลขยายผลจับแก๊งคอลเซนเตอร์นิติบุคคล มีเจ้าหน้าที่ธนาคารช่วยเหลือ พบถอนเงิน 24 ล้าน ภายใน 3 วัน จับกุมผู้ร่วมขบวนการได้ 23 หมายจับ จาก 33 หมายจับ จ่อขยายผลหัวหน้าขบวนการและผู้อยู่เบื้องหลัง บัญชีม้าต้องรับโทษเสมือนตัวการ
วันนี้ (8 ต.ค.68) พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกับ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล แถลงผลการจับกุมแก๊งคอลเซนเตอร์นิติบุคคล เปิดบริษัทและบัญชีธนาคารหลอกผู้เสียหายโอนเงิน พัวพันคดีออนไลน์ 291 คดีจากทั่วประเทศ มูลค่าความเสียหายกว่า 160 ล้านบาท โดยเป็นคดีที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ 16 คดี ความเสียหาย 39 ล้านบาท
คดีนี้ตำรวจสืบสวนพบเส้นทางการเงินที่มีพิรุธ ถูกนำไปซื้อทองคำ ชุดสืบสวนจึงขยายผลต่อเนื่อง พบว่าเงินที่ไปซื้อทองเป็นเงินจากผู้เสียหายที่ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกให้โอนเงิน เข้าไปยังบัญชีธนาคารที่เปิดในนามนิติบุคคลในรูปแบบห้างหุ้นส่วน จำกัด และเมื่อตรวจสอบบริษัทเหล่านี้ ก็พบว่ามีการให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง และไม่น่าจะมีฐานะมาจดทะเบียนบริษัทอย่างน้อย 4 บริษัท และให้ไปเปิดบัญชีธนาคารในนามบริษัทนิติบุคคล จากนั้นก็จะใช้บัญชีนิติบุคคลดังกล่าวทดลองโอนเงินไปยังบัญชีรับบริจาคของมูลนิธิต่างๆ ที่มีความเคลื่อนไหวและอยู่ในความสนใจของประชาชน เช่น มูลนิธิช่วยเหลือโรงพยาบาล มูลนิธิช่วยเหลือภารกิจชายแดน เพื่อให้บัญชีนิติบุคคลมีความเคลื่อนไหว รับโอนเงินได้เหมือนบัญชีปกติทั่วไป จากนั้นจึงนำบัญชีดังกล่าวไปหลอกรับโอนเงินจากผู้เสียหาย
จากนั้นหัวหน้าขบวนการระดับสั่งการ จะสั่งให้กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทที่เป็นนอมินีเป็นคนไปเบิกถอนเงินสดที่ธนาคาร โดยมีเจ้าหน้าที่ธนาคารให้ความร่วมมือตั้งแต่เปิดบัญชี รวมไปถึงการจองเงินและเบิกถอนเงินครั้งละ 5-7 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารคนดังกล่าวจะอาศัยความอาวุโส ทำงานมานาน เพื่อเข้ามาจัดการเรื่องดังกล่าว ทั้งที่ไม่มีอำนาจ แลกกับผลประโยชน์เป็นกระเป๋าแบรนด์เนมหรือพาไปกินรับประทานอาหารร้านหรู แต่ไม่พบลักษณะการโอนเงินส่วนแบ่งเข้าบัญชีธนาคารโดยตรง ซึ่งเจ้าตัวก็ปฏิเสธ แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานชัดเจน ซึ่งปัจจุบันเจ้าหน้าที่ธนาคารคนนี้ถูกให้ออกแล้ว ส่วนเงินสดที่ถอนออกมาแล้ว หรือนำไปซื้อเป็นทองคำแล้ว ก็จะนำไปให้หัวหน้าขบวนการ
เบื้องต้นตำรวจตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าบัญชีม้านิติบุคคลตั้งต้น 4 บัญชี มีการถอนเงินไปแล้ว 24 ล้านบาท ภายใน 3 วัน และยังมีบัญชีม้าที่เกี่ยวข้องอีกนับ 40 บัญชี อายัดไปแล้วกว่า 30 บัญชี ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการและบัญชีม้าที่เกี่ยวข้องแล้ว 33 หมายจับ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและฟอกเงิน ดำเนินการจับกุมไปแล้ว 23 หมายจับ ซึ่งคนที่เปิดบัญชีม้าก็ต้องรับโทษเสมือนตัวการ ส่วนหัวหน้าขบวนการเป็นหนึ่งในบุคคลที่ตำรวจออกหมายจับไว้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามจับกุม รวมไปถึงขยายผลผู้ที่อยู่เบื้องหลังเพิ่มเติม ซึ่งน่าจะเป็นเครือข่ายแก๊งคอลเซนเตอร์ต่างชาติ นอกจากนี้ก็จะประสาน ปปง. ขยายผลยึดอายัดทรัพย์สินของผู้เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามทรัพย์สินให้กลับคืนสู่ผู้เสียหาย