กกล.บูรพา เก็บกู้ทุ่นระเบิดบ้านหนองจานพรุ่งนี้

View icon 58
วันที่ 9 ต.ค. 2568 | 20.02 น.
ข่าวภาคค่ำ
แชร์
ข่าวภาคค่ำ - นายกรัฐมนตรี ยืนยันให้อำนาจเต็มกองทัพใช้กฎหมายรักษาอธิปไตย ไม่ให้ชาวกัมพูชามารุกล้ำเขตแดนไทย ขณะที่กองทัพภาคที่ 1 ยืนยันพร้อมปกป้องอธิปไตยชาติ

กกล.บูรพา เก็บกู้ทุ่นระเบิดบ้านหนองจานพรุ่งนี้
ช่วงเช้าวันนี้ กองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 ทำหนังสือด่วนมากถึงกัมพูชา ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2568 เรื่อง การเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว ถึงผู้บัญชาการกองพลน้อยทหารราบที่ 51

โดยอ้างถึงการประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ที่ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายตกลงจะเดินหน้าเก็บกู้ระเบิด กองกำลังบูรพา ขอแจ้งว่า จะเข้าเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ จึงแจ้งเพื่อป้องกันการเข้าใจผิด

หลังจากนั้นช่วง 10.00 น. กองทัพภาคที่ 1 ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การเก็บกู้ทุ่นระเบิดเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่อธิปไตยของฝ่ายไทย เพื่อให้เกิดความเกื้อกูลต่อการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในการรักษาอธิปไตย และความสงบสุขของพี่น้องประชาชน

ช่วงบ่าย กองทัพภาคที่ 1 ออกเอกสารชี้แจงอีกครั้ง ยืนยันเตรียมพร้อมปฏิบัติในทุกมิติ เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

กองทัพภาคที่ 1 จะดำเนินการเด็ดขาดกับพื้นที่ที่มีการรุกล้ำอธิปไตยของไทย ขอให้พี่น้องประชาชน เชื่อมั่นว่ากองทัพภาคที่ 1 จะยืนหยัดทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเต็มความสามารถ

ทบ.ลั่นใช้กฎหมาย ผลักดันกัมพูชาล้ำแดน
ขณะที่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุว่า รัฐบาล กระทรวงกลาโหม และสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. มีมติให้กองทัพแก้ไขปัญหาด้วยการบังคับใช้กฎหมายตามขั้นตอน เพื่อผลักดันการรุกล้ำอธิปไตยตามหลักสากล

และมติของคณะผู้บัญชาการทางทหาร เห็นชอบให้ใช้กฎหมายปกติ เช่น พระราชบัญญัติป่าไม้ พระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมือง ควบคู่กับ พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก กองทัพภาคที่ 1 อยู่ระหว่างเตรียมมาตรการที่เหมาะสม เพื่อบังคับใช้กฎหมายต่อการชุมนุมที่รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย

นายกฯ ลั่นไม่เคยพูดเส้นตาย ผลักดันกัมพูชา
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงว่า ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ ฝ่ายความมั่นคงมีมาตรการในการดำเนินการอยู่แล้ว โดยกระทรวงการต่างประเทศ มีอำนาจเต็มในการเจรจา

ส่วนการรักษาอธิปไตย อำนาจทุกอย่างอยู่ที่กองทัพ รัฐบาลมีหน้าที่สนับสนุน โดยคำนึงถึงหลักมนุษยธรรม รักษาอธิปไตย และไม่ยอมให้ใครมาก้าวล่วง

ส่วนเรื่องเส้นตาย ยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยพูดคำว่า "เส้นตาย" สิ่งสำคัญสูงสุด คือ ความปลอดภัยของประชาชนไทย และอธิปไตยของชาติ

สมช.เห็นชอบให้กองทัพใช้กฎอัยการศึก
ขณะที่ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ในที่ประชุม สมช. เห็นชอบให้กองทัพดำเนินการตามกฎอัยการศึก และคาดว่า วันพรุ่งนี้ จะนำเข้าที่ประชุม สมช. อีกครั้ง ส่วนการเริ่มปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายเด็ดขาด ยังไม่อยากกำหนด วัน เวลา เพราะหากกำหนด ฝ่ายกัมพูชาจะเคลื่อนมวลชน มารอโต้ตอบเจ้าหน้าที่ไทย ทำให้การปฏิบัติการทำได้ยาก จึงต้องรอดูความพร้อมก่อน

ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา โดยตรวจพบโดรน 14 ลำ บริเวณพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ช่องอานม้า พลาญหินแปดก้อน ปราสาทตาควาย ช่องโอบก บริเวณเหนือเนิน 677 พื้นที่บ้านโอดา บริเวณห้วยขนุน บ้านภูผาหมอก และยังตรวจพบการขนส่งสิ่งอุปกรณ์ เป็นรถบรรทุกขนย้ายปูนซีเมนต์และแผ่นปูน เข้าไปยังพื้นที่แนวชายแดน และตรวจพบรถบรรทุก 6 ล้อ บรรทุกดินเต็มคันรถ คาดว่า นำไปปรับปรุงที่มั่นให้แข็งแรงขึ้น 

ปภ.โอนเงินเยียวยาชายแดนไทย-กัมพูชา
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. รายงานการจ่ายเงินเยียวยาประชาชน กรณีอพยพระหว่างเกิดสถานการณ์ อันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังจากนอกประเทศระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชา

ปัจจุบันโอนเงินช่วยเหลือแล้ว 4 ครั้ง วันที่  6, 7, 8, 9 ตุลาคม ให้แก่ผู้ประสบภัยในจังหวัดบุรีรัมย์, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, ตราด, สระแก้ว, อุบลราชธานี และจันทบุรี รวมโอนสำเร็จ 252,690 ครัวเรือน เป็นเงินกว่า 1,170 ล้านบาท 

วันพรุ่งนี้ (10 ต.ค.) จะโอนเงินครั้งที่ 5 ให้แก่ประชาชนในจังหวัดจันทบุรี จำนวน 388 ครัวเรือน

จากข้อมูลการโอนเงินของธนาคารออมสิน ที่ผ่านมา 4 รอบ พบว่า ยังมีบางครัวเรือนที่โอนเงินช่วยเหลือไม่สำเร็จ เนื่องจากประชาชนยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประจำตัวประชาชน และสถานะทางบัญชีไม่ปกติ จำนวนกว่า 6,831 ครัวเรือน