เลิกแต่ไม่จบให้คุกเป็นคำตอบ เจอแฟนเก่านั่งรถมากับแฟนใหม่ จะมาเอารถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ใกล้บ้าน หนุ่มแฟนเก่ายิงแสกหน้าแฟนใหม่ กระสุนลูกซองเจาะร่างพรุน ญาติประสานให้เข้ามอบตัวแล้ว
เซ่นรักขม ค่ำวานนี้ (9 ต.ค.68) พ.ต.ต.พรภัทร์ เชียงดา สารวัตร (สอบสวน) สภ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตภายในรถยนต์ เหตุเกิดบนถนนกลางหมู่บ้านใน ต.กระเสียว อ.สามชุก พบรถยนต์กระบะแคปสีทอง จอดเปิดประตู 2 ฝั่ง โดยรถยนต์ฝั่งคนขับประตูรถกระแทกกับเสาไฟฟ้า ภายในรถที่เบาะนั่งข้างคนขับพบร่างนายนายบิ๊ก อายุ 33 ปี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซอง 2 นัด กระสุนเข้าที่แสกหน้า และยังมีบาดแผลถูกยิงเข้าที่หน้าอก แขนซ้าย และใต้ราวมนซ้าย เป็นรูพรุนกว่า 10 รู เลือดไหลนองเต็มพื้นรถ ตรวจสอบภายในรถผู้เสียชีวิต พบอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก กระสุน 6 นัด และมีด 1 เล่ม ของนายบิ๊ก ผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ นายโอ๊ต อายุ 23 ปี หลังก่อเหตุขับรถกระบะแคปสีขาว หลบหนีไป
พ่อของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุลูกชายได้ขับรถยนต์พาน้องนิ้ง อายุ 24 ปี แฟนสาว ซึ่งเป็นแฟนเก่าของนายโอ๊ต ผู้ที่ก่อเหตุ มาเอารถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ใกล้กับที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านโอ๊ต เมื่อวันที่ 28 ก.ย.68ที่ผ่านมา นายโอ๊ต (ผู้ก่อเหตุ) เคยบุกเอาค้อนทุบหัวลูกชายตนมาแล้ว ได้แจ้งความเอาไว้ที่ สภ.ทุ่งคลี อ.เดิมบางนางบวช กระทั่งมาวันนี้คาดว่านายโอ๊ต (ผู้ก่อเหตุ) เห็นลูกชายของตนมาขับรถมาด้วยกันกับน้องนิ้ง นายโอ๊ตคงจะมาเคลียร์ปัญหา แต่คงคุยกันไม่รู้เรื่อง จึงชักอาวุธปืนออกมายิงใส่ลูกชายของตนจนเสียชีวิต แล้วขับรถหลบหนีไป
จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าทั้ง 2 ฝ่าย มาเคลียร์ปัญหาความรัก จนเกิดเหตุโต้เถียงกัน และทะเลาะวิวาท นายโอ๊ตชักปืนยิงนายบิ๊ก 1 นัด กระสุนเข้าที่แขนซ้ายบาดเจ็บ น.ส.นิ้ง จึงขึ้นขับรถจะพานายบิ๊กไปโรงพยาบาล แต่ปประตูรถเปิดอ้าอยู่ จึงไปติดคาอยู่ที่เสาไฟฟ้า กระทั่งนายโอ๊ต (ผู้ก่อเกตุ) วิ่งตามมายิงนายบิ๊ก ซ้ำอีก 1 นัด ทำให้เสียชีวิตบนรถยนต์กระบะในที่เกิดเหตุ
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.สามชุก ร่วมกับกำลังชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี นำกำลังกดดันไล่ล่าผู้ก่อเหตุ กระทั่งญาติของผู้ก่อเหตุ ได้ประสานเข้ามอบตัว ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนถึงชนวนเหตุ และพบอาวุธปืนลูกซองสั้นกระบอกที่ใช้ก่อเหตุ ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 100 เมตร จึงยึดได้เป็นหลักฐาน