สนามข่าว 7 สี - ฟ้องกลับแน่ ! เมื่อ "เจ๊สาว" ถูกเจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าทลายรัง ตรวจค้นบ้านพัก ในบริเวณบ้านคลองลึก จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นทั้งจุดรับและส่งบุคคลข้ามชายแดนผ่านเข้า-ออกไทย-กัมพูชา ซึ่งเจ๊ยืนยันถ้าทำให้เสียหายจะฟ้องกลับแน่
ก็เป็นภาพหลักฐานชี้ให้เห็นทั้งกลุ่มบุคคล นั่งเรือ มาขึ้นฝั่งที่บ้าน หรือ จะภาพกลุ่มบุคคล ลงจากรถยนต์ ก็ยังลงที่บ้านหลังหนึ่งที่ทั้ง 2 เหตุการณ์ จะเห็นว่าเป็นบ้านหลังเดียวกัน เพราะหลังคามีสีชมพูแป๊ด ผิดแปลกจากบ้านหลังอื่นโดยรอบ โดยบ้านหลังดังกล่าวอยู่ติดแนวริมคลองชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านวังมน หมู่ 3 ตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
ที่แนวทางการสืบสวน ของ ทหารกองกำลังบูรพา และ ตำรวจ สภ.คลองลึกผิดกฎหมาย อย่างที่เห็นไปเมื่อครู่
โดยจะใช้บ้านที่มีรั้วรอบขอบชิด เป็นเซฟเฮาต์ เป็นทั้งจุดพักรับและส่งคนจากฝั่งกัมพูชา ที่จะนั่งเรือพายข้ามมาไทย แล้วมุดช่องทางลับหลังบ้านผ่านเข้ามา ส่วนคนจากฝั่งไทย ที่จะข้ามไปกัมพูชา ก็ต้องนั่งรถยนต์มาลงที่บ้าน ก่อนนั่งเรือข้ามไป นำมาซึ่งการสนธิกำลังเข้าตรวจสอบและควบคุมตัวผู้เกี่ยวข้องในบ้านหลังนี้
กลุ่มผู้ลักลอบพากลุ่มบุคคลลักลอบข้ามแดน มีวิธีการดังนี้ คือ
1. ผู้ที่ต้องการข้ามแดนจะถูกขนส่งมายังบ้านหลังดังกล่าวด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล เพื่อปิดบังไม่ให้เจ้าหน้าที่ และสายตาคนภายนอกสังเกตเห็น
2. บ้านมีรั้วรอบขอบชิด เป็นพื้นที่ดำเนินการได้อย่างลับตา โดยเฉพาะช่วงเวลาพลบค่ำ
3. ขบวนการ จะใช้ช่องทางลับบริเวณหลังบ้าน ให้กลุ่มคนลักลอบข้ามแดนลงจากรถยนต์ จากนั้น จะเพื่อพายข้ามแนวคลองไปยังฝั่ง ประเทศกัมพูชา ถือเป็นวิธีแยบยล
หลีกตรวจตราตามช่องทางหลัก
เรียกว่า "เจ๊สาว" อายุ 68 ปี ที่อยู่ในสภาพใช้ไม้เท้าช่วยพยุงตัว และ นายนิวัฒน์ สามี ก็ยอมให้ตรวจค้น แม้จะตกใจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็นำภาพถ่ายจากโดรน แสดงให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวต้องสงสัยบริเวณหลังบ้าน และช่องทางลับข้ามคลองลึกให้เจ๊สาวดู แต่ เจ๊สาว ก็พยายามยืนยันที่ บางช่วง ก็มีปาดน้ำตา บางช่วงก็เสียงแข็ง ขู่ฟ้องกลับคนที่ทำให้เสียหาย
ทั้งนี้ เจ๊สาว ยังยอมรับเคยแอบเห็นคนกัมพูชาลักลอบนั่งเรือเข้ามาบริเวณหลังบ้านจริง แต่ไม่กล้าแจ้งเจ้าหน้าที่ เพราะเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อตัวเองและครอบครัว
เบื้องต้น ก็ยังไม่มีการจับกุมตัว เจ๊สาว และสามี เพราะอยู่ระหว่างขยายผลว่าเกี่ยวข้องกับเครือข่ายพาคนลักลอบข้ามแดนที่ถูกทลายไปก่อนหน้านี้หรือไม่ เพื่อเร่งติดตามจับกุมผู้อยู่เบื้องหลังและเครือข่ายฯ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
