จากกรณีเมื่อวันที่ 10 ต.ค. 68 เวลาประมาณ 14.35 น. น.ส.จริยา อายุ 36 ปี ชาวบ้าน ต.ขามใหญ่ อ.เมืองอุบลราชธานี ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี ว่า ได้มีคนร้ายเป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสีแดง กางเกงขายาวสีดำ อายุประมาณ 30-40 ปี ได้เดินเข้ามางัดหน้าต่างบ้าน ของตนเอง ที่ ต.ขามใหญ่ อ.เมืองอุบลราชธานี และได้เข้าไปขโมยทรัพย์สินภายในบ้าน ได้ทรัพย์สินไป 1 รายการ คือ 1.ทีวี ยี่ห้อซัมซุง ขนาด 75 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง ราคาประมาณ 40,000 บาท หลบหนีไป จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว
หลังจากได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ในจุดเกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียง เพื่อหาตัวผู้ก่อเหตุที่ตระเวนหลักทรัพย์ในพื้นที่ อ.เมืองอุบลราชธานี เนื่องจากพฤติการณ์ของคนร้ายได้เข้าไปลักทรัพย์ ในหลายพื้นที่
โดยจากการสืบสวนและจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ จึงทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายปริญญากรณ์ อายุ 35 ปี
จากนั้น จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมตัวนายปริญญากรณ์ ขณะเดินเล่นอยู่บริเวณหน้าบ้านของตนเอง ก่อนแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ และได้เปิดภาพกล้องวงจรปิดให้นายปริญญากรณ์ ดู ซึ่งยอมรับว่าตนเองเป็นบุคคลในภาพกล้องวงจรปิด และเป็นคนเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์จริง เจ้าหน้าที่จึงได้ให้นายปริญญากรณ์ พาไปตรวจยึดทีวี และนำตัวเข้ามาสอบปากเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองอุบลราชธานี
สอบถามนายปริญญากรณ์ ผู้ต้องหา เล่าว่า ตนเองเคยทำงานเดินสายอินเทอร์เน็ต เครือข่ายแห่งหนึ่ง แต่รายได้ไม่พอใช้ เนื่องจากติดหนี้นอกระบบ ก่อนจะก่อเหตุ เมื่อช่วงเช้าวานนี้ 10 ต.ค. 68 ตนเองได้รับโทรศัพท์ จากเจ้าหนี้นอกระบบ ซึ่งตนเองต้องจ่ายวันละ 1,500 บาท โดยตนเองได้กู้เงินมา 30,000-40,000 บาท จึงไม่มีทางออก ก็เลยคิดจะก่อเหตุ จึงตัดสินใจอาบน้ำแต่งตัว ขี่รถจักรยานยนต์ ตระเวนดูตามพื้นที่ต่าง ๆ มองดูบ้านที่ไม่มีคนอยู่บ้านและมีทรัพย์สินที่จะขโมยไปขายใช้หนี้ได้
จนกระทั่ง ขับมาเจอบ้านหลังที่ก่อเหตุ ตนเองมองดูแล้วไม่มีคนอยู่บ้าน จึงได้ปีนเข้าไปบ้านและงัดหน้าต่างเข้าไป ขโมย ทีวี ขนาด 75 นิ้ว ยกออกมาใส่บนรถจักรยานยนต์ ที่ตนเองขับมา และได้นำมาเก็บไว้ที่บ้านก่อน เพื่อที่จะหาร้านที่จะนำไปขายต่อไป
นายปริญญากรณ์ เล่าต่อว่า ตนเองเคยถูกจับแล้ว 1 ครั้ง ในคดีเข้าไปขโมยปั๊มน้ำตามหมู่บ้าน ซึ่งศาลสั่งจำคุก 9 เดือน โดยตนเองได้ยื่นประกันตัวออกมา โดยคดีขณะนี้อยู่ในชั้นฏีกาอยู่ ซึ่งทรัพย์สินที่ขโมยมาได้ ตนเองจะนำไปขายในเพจต่าง ๆ โดยจะนัดเจอกัน ตามที่ต่าง ๆ ส่วนเงินที่ได้มา ตนเองก็นำไปใช้จ่ายหนี้นอกระบบ และใช้จ่ายในครอบครัว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหา “ลักทรัพย์ในเคหะสถานโดยใช้ยานพาหนะ” ก่อนนำตัวนายปริญญากรณ์ ส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป