นายกฯ ลุย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถกฝ่ายความมั่นคง ตามคดีปล้นทอง-เหตุรุนแรง

นายกฯ ลุย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถกฝ่ายความมั่นคง ตามคดีปล้นทอง-เหตุรุนแรง

View icon 114
วันที่ 11 ต.ค. 2568 | 15.07 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
นายกฯ ลุย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถกฝ่ายความมั่นคง ตามคดีปล้นทอง-เหตุรุนแรง สั่งเร่งร่วมมือทำงานเป็นหนึ่งเดียว ยืนยัน "บิ๊กอั๋น" มีฝีมือเดินหน้าพูดคุยสันติสุขคืบหน้าแน่

11 ตุลาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นครั้งแรกหลังรับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี โดยเชิญผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ 6 จังหวัดชายแดนภาคใต้ประกอบด้วยจังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา สตูล และพัทลุง และฝ่ายความมั่นคง ประชุมที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี

โดยฝ่ายความมั่นคงจะรายงานสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัด 3 ชายแดนใต้ โดยเฉพาะเหตุรุนแรง วางระเบิดในเมืองยะลา และเหตุอาชญากรรมปล้นทอง ที่อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่งเปิดความมั่นคง รายงานความคืบหน้าของคดีดังกล่าวต่อที่ประชุม

หลังการประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ในครั้งนี้ว่า ได้รับฟังรายงานสถานการณ์จากทั้ง 3 ฝ่าย มีกองทัพ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายตำรวจ และ ศอ.บต. ซึ่งได้สั่งการให้มีการบูรณาการการทำงานของแต่ละหน่วยงานให้เต็มพื้นที่ ให้การทำงาน กลับมาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และให้บังคับใช้กฎหมายเด็ดขาด แต่ให้คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจภูธรภาค 9 ก็เร่งติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี แต่ก็ต้องยอมรับว่าสภาพภูมิประเทศเอื้ออำนวยให้กลุ่มผู้ก่อเหตุ หลบหนีข้ามพรมแดนไปประเทศเพื่อนบ้าน หลังจากนี้ก็ต้องหารือ ยกระดับ การตั้งจุดตรวจจุดสกัด หรือการซีลแนวชายแดนให้มากขึ้น

ส่วนกลุ่มก่อความไม่สงบที่ก่อเหตุปล้นทองเป็นการท้าทายอำนาจรัฐในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่าน แม่ทัพภาคที่ 4 หรือกำลังพลหรือไม่นั้น ไม่สามารถอ่านใจ ผู้ก่อความไม่สงบได้ แต่คนที่มาทำงานในจุดนี้ ไม่มีช่วงทดลองงาน ทุกคนต้องพร้อมทำงานทันที ในการติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุที่กระทำความผิดมาดำเนินคดี

ส่วนคณะพูดคุยที่มีพล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา อดีตเลขาธิการ สมช.เป็นหัวหน้าคณะนั้น ตนก็เคยทำงานร่วมกันมาก่อน และเมื่อได้รับการเสนอจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้พลเอกสมศักดิ์ เป็นหัวหน้าคณะพูดคุย ก็เชื่อว่าจะปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มที่ เพราะมีความสัมพันธ์ กับทางกองทัพรวมทั้งมีประสบการณ์การทำงานมานาน จึงมั่นใจว่า การเจรจาสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะมีความคืบหน้าอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งไทยกับมาเลเซีย มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทั้งในด้านปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งการนำตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุที่ถูกออกหมายจับกลับมาดำเนินคดีในไทยด้วย

นอกจากนี้มาเลเซียยัง เป็นตัวกลาง แก้ปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย -กัมพูชา ซึ่งสิ่งใดที่จะนำไปสู่ การลดความรุนแรง หรือนำไปสู่ความสันติภาพก็จะให้ความร่วมมือ ทั้งนี้ ยืนยันปัญหาใดกัมพูชา ว่าต้องดำเนินการภายใต้ เงื่อนไข 4 ข้อ ของทางการไทย ส่วนการสร้างรั้ว ตามแนวชายแดนไทยมาเลเซีย หากดำเนินการได้และมีผลดี รัฐก็พร้อมสนับสนุน

///

ข่าวที่เกี่ยวข้อง