ผู้ว่าฯ สระแก้ว เผย ตรียมเสนอถึงกระทรวงมหาดไทย ให้ ชรบ. ประจำหมู่บ้าน ได้รับเงินเยียวยาเช่นเดียวกับผู้อพยพ

ผู้ว่าฯ สระแก้ว เผย ตรียมเสนอถึงกระทรวงมหาดไทย ให้ ชรบ. ประจำหมู่บ้าน ได้รับเงินเยียวยาเช่นเดียวกับผู้อพยพ

View icon 332
วันที่ 11 ต.ค. 2568 | 18.37 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ผู้ว่าฯ สระแก้ว เรียกประชุมผู้นําท้องถิ่นและตัวแทนชาวบ้าน เตรียมฝึกซ้อมแผนอพยพชาวบ้านหนองจาน วันพรุ่งนี้ นอกจากประชุมแผน ผู้ว่าฯ สระแก้ว เผย ตรียมเสนอถึงกระทรวงมหาดไทย ให้ ชรบ. ประจำหมู่บ้าน ได้รับเงินเยียวยาเช่นเดียวกับผู้อพยพ

11 ตุลาคม 2568 ที่ศาลากลางหมู่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ลงพื้นที่มาพูดคุยกับผู้นำชุมชนแต่ละพื้นที่ รวมกันที่ “บ้านหนองจาน” เพื่อเตรียมซักซ้อมแผนอพยพประชาชนอำเภอแนวชายแดน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวในพื้นที่ปลอดภัย ในวันพรุ่งนี้ตั้งแต่ช่วงเวลา 10:00 น. เป็นต้นไป โดยวันนี้ได้เรียกให้ผู้นำชุมชนแต่ละหมู่บ้าน เข้ามารับฟังแผนการอพยพตามขั้นตอนต่างๆ หากเกิดเหตุสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้น ซึ่งการซักซ้อมครั้งนี้ มีการคัดเลือกเอาหมู่บ้านที่อยู่ตามแนวชายแดน กระจายอยู่ในพื้นที่ทั้งหมด 4 อำเภอ 13 ตำบล 61 หมู่บ้าน ส่วนใหญ่เป็นพี่น้องชาวบ้านหนองจาน

ซึ่งมีปลัดจังหวัดสระแก้ว คือ นายสุเทพ ชัยวัฒน์ ปลัดจังหวัดสระแก้ว ได้ชี้แจงและทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ก่อนเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะแนวทางและขั้นตอนการปฎิบัติงาน พร้อมเน้นย้ำว่า “ทุกอย่างได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการนัดหมาย การกำหนดเส้นทาง และการเดินทาง รวมไปถึงศูนย์อพยพต่างๆ ที่ปลอดภัย จึงฝากประชาสัมพันธ์ ขอให้ชาวบ้านไม่ต้องแตกตื่น เนื่องจากเป็นการฝึกซ้อมแผนอพยพเท่านั้น ไม่ใช่สถานการณ์จริง เป็นการซ้อมเพื่อให้เกิดความคล่องตัว ให้แผนดําเนินการเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยจะมีการเตรียมรถไว้จำนวนหนึ่ง“

จากนั้นนางสาวพรหมภัสสร ลิ้มตระกูล หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์และการจัดการ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสระแก้ว กล่าวถึงกรณีเงินเยียวยาชาวบ้านตามแนวชายแดน และอยากให้ผู้นำชุมชนทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ของตัวเอง ว่าหากใครอพยพไม่เกิน 7 วัน จะได้รับเงินเยียวยา 2,000 บาท แต่หากอยู่เกิน 8 วัน จะได้รับ 5,000 บาท โดยจังหวัดสระแก้ว ประกาศให้อพยพเมื่อวันที่ 24-25 กรกฎาคมที่ผ่านมา

สำหรับที่จังหวัดสระแก้ว จะได้รับการเยียวยาทั้งหมด 14,134 ครัวเรือน ในจำนวนนี้มี 504 ครัวเรือนที่ถูกตีกลับเนื่องจาก 1.พบบัญชีไม่มีความเคลื่อนไหว 2.เลขบัญชีไม่ผูกกับพร้อมเพย์ 3.ชื่อที่ให้ไม่ตรงกับชื่อบัญชี ซึ่งทั้งหมดไม่ได้หมายความว่าจะหมดสิทธิ์ / อย่างไรก็ตามจะมีการพิจารณาเรื่องกันต่อ

ส่วนการเยียวยารอบที่ 2 สำหรับพื้นที่พิจารณา 4 อำเภอชายแดน ทั้งที่อพยพไปยังศูนย์พักพิง ที่ทางราชการจัดให้ และอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย อาทิ บ้านญาติหรือวัด โดย 4 อำเภอ ได้แก่ ตาพระยา / โคกสูง / อรัญประเทศ / และคลองหาด เห็นชอบให้ความช่วยเหลือตามมติ ครม.ครัวเรือนละ 2,000 บาท รวม 18,372 ครัวเรือน วงเงินรวม 36,664,000 บาท จำแนกรายอำเภอดังนี้ ตาพระยา 4,600 ครัวเรือน (9,200,000 บาท) / โคกสูง 6,344 ครัวเรือน (12,688,000 บาท) / อรัญประเทศ 6,288 ครัวเรือน (12,576,000 บาท) / และคลองหาด 1,140 ครัวเรือน (2,280,000 บาท) ส่วนวันรับเงินจะเป็นวันไหนบ้าง จะแจ้งอีกครั้ง

ขณที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ระบุว่า วันนี้ตั้งใจมาทำความเข้าใจกับผู้นำชุมชนในพื้นที่ต่างๆ สิ่งที่ตนเป็นห่วงมาก คือกลุ่มเปราะบาง ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยติดเตียง เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ ซึ่งกลุ่มนี้ต้องอพยพเป็นกลุ่มแรก และต้องสำรวจข้อมูลบุคคลเหล่านี้ไว้ก่อนว่าอยู่บ้านหลังไหนบ้าง ข้อมูลตรงนี้ก็คงไม่มีใครรู้ดีเท่ากับ อสม. แล้ว ในขณะเดียวกันได้ประสานไปยังรถของทาง อบต. ในการที่จะช่วยอพยพกระจายไปยังพื้นที่แต่ละหมู่บ้าน

นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้จัดทำโรงพยาบาลสนามสำหรับแยกผู้ป่วยติดเตียงไปพักฟื้น โดยมีหมอและพยาบาลดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะต้องแยกออกจากศูนย์อพยพ เพื่อไม่ให้เกิดการดูแลที่ลำบาก

ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เน้นย้ำว่า ในฐานะที่ต้องดูแลพิทักษ์แนวหลัง ดูแลพี่น้องประชาชน หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องมีการเตรียมความพร้อม เนื่องจากว่าเราอยู่ใกล้และไม่มีใครบอกได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นเมื่อไหร่ / ดีที่สุดก็คือต้องมีการเตรียมความพร้อมไว้ก่อน ซึ่งก็ต้องพูดคุยและวางแผนไว้ทั้งหมด ว่าในแต่ละพื้นที่ จะต้องไปในเส้นทางไหน เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย และเพื่อความปลอดภัยมากที่สุด ทั้งต้นทาง / ระหว่างทาง และปลายทาง / พร้อมขอให้ท่านมั่นใจและเชื่อใจในน้ำใจของคนไทย รวมไปถึงงบประมาณหลวง ที่จะคอย ช่วยเหลือสนับสนุนรวมไปถึงข้าวปลาอาหารและน้ำดื่มในระหว่างที่ศูนย์อพย

นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ยังได้พูดติดตลกว่า วันนี้ผมใส่เสื้อ ปภ. มา แต่ไม่ค่อยอยากจะใส่ เพราะใส่แต่ละครั้ง มีเรื่องทุกที และยังได้พูดถึงเรื่องของเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ต้องอพยพไปอยู่ที่อื่น กรณีที่อยู่อพยพไม่เกิน 7 วัน ได้รับบ้านหลังละ 2000 บาท และกรณีที่อพยพออกไปอยู่ศูนย์อพยพเกินกว่า 7 วัน จะได้รับบ้านหลังละ 5000 บาท / จึงอยากฝากไปถึงการลงทะเบียนในระหว่างที่มีการอพยพ อยากให้มีความชัดเจนขึ้นกว่าครั้งที่แล้วด้วย เพื่อจะนำมาใช้ในการเบิกเงินเยียวยา

ขณะเดียวกันตนยังได้รับเรื่องร้องเรียนจาก ชรบ. นายหนึ่ง พื้นที่บ้านหนองหนองหญ้าแก้ว เนื่องจากว่าเจ้าตัวต้องดูแลความปลอดภัยอยู่ในพื้นที่ไม่ได้อพยพไปไหน ประกอบกับพักอาศัยอยู่ที่บ้านเพียงคนเดียว ไม่มีญาติที่อยู่ในบ้านหลังเดียวกันอพยพไปอยู่ศูนย์อพยพ จึงทำให้ไม่ได้รับเงินเยียวยาเหมือนคนอื่น เบื้องต้นตนได้ประสานกับทาง ปภ. เพื่อทำหนังสือส่งไปยังกระทรวงมหาดไทย แจ้งไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอให้กระทรวงมหาดไทยจ่ายเงินให้กับ ชรบ. ที่ไม่ได้อพยพ เพราะทำหน้าที่อยู่ในพื้นที่ โดยตอนนี้อยู่ในขั้นดำเนินการ ทั้งนี้ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข 3 ข้อ คือ 1.ต้องเป็น ชรบ. ที่มีคำสั่งของนายอำเภอให้ปฏิบัติหน้าที่ 2.ต้องอยู่ในพื้นที่ประกาศภัย 3.ต้องเป็น ชรบ. ที่เป็นบ้านที่ไม่ได้รับเงิน 2000 หรือ 5000 บาท / โดยเบื้องต้นจะนำเสนอขอรับเงินที่เข้าเงื่อนไขดังกล่าวเป็นรายละ 1000 บาท แต่ก็ขึ้นอยู่กับท่านนายกรัฐมนตรี ว่าจะมอบเงินให้สำหรับกรณีแบบนี้เป็นเงินเท่าไหร่