พลโทวันชนะ สวัสดี โพสต์เทียบ 2 มหาอำนาจ “ฝรั่งเศส-อังกฤษ เทียบ”  ทิ้งปัญหาให้คนท้องถิ่นรับกรรม

พลโทวันชนะ สวัสดี โพสต์เทียบ 2 มหาอำนาจ “ฝรั่งเศส-อังกฤษ เทียบ” ทิ้งปัญหาให้คนท้องถิ่นรับกรรม

View icon 469
วันที่ 13 ต.ค. 2568 | 08.19 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
พลโทวันชนะ สวัสดี โพสต์เทียบ 2 มหาอำนาจ “ฝรั่งเศส-อังกฤษ เทียบ”  ทิ้งปัญหาให้คนท้องถิ่นรับกรรม

วันนี้ (13 ต.ค.68) วานนี้ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Wanchana Sawasdee ได้โพสต์ข้อความ ยกมหาอำนาจเปรียบเทียบ ระบุข้อความ “ฝรั่งเศส vs อังกฤษ: สองมหาอำนาจ สองมรดกต่างกัน แม้ทั้งฝรั่งเศสและอังกฤษจะเป็นจักรวรรดิอาณานิคมเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ในเรื่องพรมแดนต่างกันมาก

อังกฤษ มักกำหนดเส้นแบ่งโดยอิงภูมิศาสตร์และสนธิสัญญาที่รัดกุม เช่น พรมแดนไทย–เมียนมาร์และไทย–มาเลเซียที่เป็นอดีตอาณานิคมอังกฤษ ไม่เคยมีปัญหาหนัก แม้จะมีข้อพิพาทย่อยบ้าง แต่ไม่เคยบานปลายถึงขั้นศาลโลกหรือปะทะทางทหาร
    
ฝรั่งเศส ขีดเส้นแบบไม่สนใจความจริงทางพื้นที่ ไม่สนใจความจริงเชิงภูมิศาสตร์หรืออัตลักษณ์ชุมชน ผลคือพรมแดนจำนวนมากเต็มไปด้วย ความคลุมเครือและอยุติธรรม ซึ่งยังคงเป็นภาระมาจนถึงปัจจุบันทิ้งความคลุมเครือและข้อขัดแย้งให้รัฐเกิดใหม่ต้องสู้รบและฟ้องร้องกันเอง

ตัวอย่างมรดกบาปจากป่าฝนถึงทะเลทราย

-อเมริกาใต้ : กายอานาฝรั่งเศส–ซูรินาม  สนธิสัญญาปี 1915 ขีดเส้นพรมแดนระหว่าง กายอานาฝรั่งเศสกับซูรินาม ตามแม่น้ำมารอนี แต่ไม่เคยระบุชัดว่าต้นน้ำสายใดเป็นเส้นแบ่งจริง ทิ้งข้อพิพาทเรื้อรังที่ยังแก้ไม่ตกจนถึงปัจจุบัน

-แอฟริกา : โมร็อกโก–แอลจีเรีย /ชาด–ลิเบีย ในแอฟริกา ฝรั่งเศสวางพรมแดนอย่างเลื่อนลอย ผลลัพธ์คือ
สงครามทราย 1963 ระหว่างโมร็อกโก–แอลจีเรีย เพราะฝรั่งเศสไม่เคยกำหนดพรมแดนทะเลทรายให้ชัด

ข้อพิพาท Aouzou Strip ระหว่างชาด–ลิเบีย ที่ต้องถึงศาลโลกตัดสินในปี 1994 เพราะฝรั่งเศสเขียนเส้นไว้แต่ไม่เคยทำให้ทุกฝ่ายเห็นพ้องกันจริง

-เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ :  ไทย–กัมพูชา บทเรียนจากศตวรรษอาณานิคมทุกกรณีชี้ให้เห็นว่า ฝรั่งเศส รีดเค้นตอนมีอำนาจ แต่ ทิ้งปัญหาให้คนท้องถิ่นรับกรรม จากการรีบเร่งเข้าครอบครองเช่นในเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อแข่งกับอังกฤษ เพราะตนเข้ามาทีหลังจึงไม่มีแบบแผน กลไกและการวางระบบที่ดีแต่ใช้อำนาจทุบเอาเมืองขึ้นใช้ความป่าเถื่อน ดังนั้น เมื่อจักรวรรดิสิ้นสุดลง จึงได้ทิ้งปัญหาไว้เพราะไม่มีแบบแผนวางไว้ตั้งแต่ต้น เส้นแดนที่ฝรั่งเศสขีดไว้จึงกลายเป็นเชื้อไฟความขัดแย้งที่ลุกโชนข้ามศตวรรษแม้อาจไม่มีอาณานิคมแบบเดิมแล้ว แต่เงาของฝรั่งเศสยังทอดยาวผ่านพรมแดน พิพาท และความระแวงระหว่างรัฐที่เคยอยู่ใต้ธงสามสีสามแถบ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง