ชาดา ลั่น ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เกิดเพราะคน 2 คน ขัดผลประโยชน์กัน เผย คนไทยต้องรักกันเองให้มาก อย่าแตกแยกให้เขมรดีใจ

ชาดา ลั่น ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เกิดเพราะคน 2 คน ขัดผลประโยชน์กัน เผย คนไทยต้องรักกันเองให้มาก อย่าแตกแยกให้เขมรดีใจ

View icon 387
วันที่ 13 ต.ค. 2568 | 17.18 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
“ชาดา” ลั่น ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เกิดเพราะคน 2 คน ขัดผลประโยชน์กันทั้ง MOU 43 เขตแดนบนดิน และ MOU 44 เขตแดนในทะเล เผย คนไทยต้องรักกันเองให้มาก อย่าแตกแยกให้เขมรดีใจ

วันที่ 13 ตุลาคม นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาในขณะนี้ ที่ฝั่งไทยได้นำซาวด์หลอนไปเปิดที่ บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ว่า โลกยุคใหม่มีสงครามหลายรูปแบบ ปัจจุบันเป็นยุคดิจิทัล และไทยเปิดเป็นเสียงซาวน์ ไม่ได้ยิงระเบิด ไม่ได้ไปฆ่าใคร เปิดเสียงเพลงบ้านเรา และต้องเข้าใจว่า คนไทยโดนกระทำมาหลาย 10 ปี โยที่คนไทยเองก็เฉย เพราะรักสงบ

"วันนี้สังคมไทยต้องตระหนักให้ดี สังคมไทยต้องรู้ว่าสงครามเกิดขึ้น เพราะคน 2 คน ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย คน 2 คนทำให้คนตาย คน 2 คนทำให้ชาวบ้านประชาชนต้องอพยพไปอพยพมา ไม่ได้ทำมาหากิน เกิดจากคน 2 คน ไม่ใช่ 2 ประเทศ"

นายชาดา กล่าวอีกว่า คน 2 คนซึ่งอยู่บนผล ประโยชน์ของแต่ละฝ่าย ภายใต้ผลประโยชน์ใต้เกาะกูด วันนี้ไม่มีใครเอาความจริงของมันแฉว่าเรื่องนี้ เกิดเพราะผลประโยชน์ MOU 43 คือ เขตแดนบนดิน ส่วน MOU 44  คือ เขตแดนในทะเล ซึ่งใต้ทะเลมีสิ่งธรรมชาติที่ราคาแพงมาก และมีการแบ่งปันผลประโยชน์กันเอง และพอมาถึงวันหนึ่งเกิดทะเลาะกันทำให้เรื่องแดงขึ้นมา บางคนที่อยู่ในพรรคพวกของคนที่ก่อเหตุ ไปโทษคนอื่น พยายามเบี่ยงข้อเท็จจริงว่า เป็นเพราะเรื่องอื่น ซึ่งข้อเท็จจริง มันคือคนละประเด็น

นายชาดา ย้ำว่า MOU ตั้งแต่ปี 44 แต่คนไทยเพิ่งมารู้ไม่กี่วันนี้เอง เรื่องแบบนี้ถ้าไม่เกิดขึ้น คนไทยจะไม่รู้อะไรเลย จนเป็นเรื่องที่บางครั้งรัฐก็ปิดข่าวเก่ง การเมืองก็ปิดข่าวเก่ง โยงประเด็นเก่งให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แต่ประเทศชาติยังมีทางออก คือ เราต้องช่วยให้สถานการณ์ผ่านไป เราต้องรู้ว่าอยู่ในสภาวะสงคราม ชายแดนประกาศกฎอัยการศึก คนไทยต้องรักกันเองให้มาก อย่าแตกแยกให้เขมรดีใจ อย่าแตกแยกให้ ฮุนเซน ดีใจคน คนไทยต้องรักกันมากกว่านี้

ส่วนการที่ประชาชนค่อนข้างคาดหวังว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน จะแก้ไขปัญหาชายแดน ถือว่าเป็นความกดดันของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายชาดา เผยว่า เรื่องนี้เป็นสงครามระหว่างประเทศ มีความอ่อนไหว คนที่เป็นผู้นำประเทศพูดแบบชาวบ้านไม่ได้ คนที่เป็นนายกรัฐมนตรี มีผลต่อระดับนานาชาติ มีผลต่อความขัดแย้งระดับประเทศ ให้ทหารรับผิดชอบถูกต้องแล้ว รัฐบาลให้อำนาจเต็มที่ นายกฯ ให้อำนาจเต็มที่ไม่ใช่แบบที่ผ่านมา ทหารกำลังถล่มมันๆ กลับสั่งให้หยุด กระทรวงการต่างประเทศหายไป แต่ปัจจุบัน นายอนุทิน จะไปว่าไม่ได้ในเชิงทางการทูต ต้องรักษาท่าที จะรบจริงไม่จำเป็นต้องพูดมากมาย แต่คนไทยอย่ามาปั่น อย่ามาสร้าง บางเรื่องสื่อมวลชนไม่จำเป็นต้องลงข่าวทุกเรื่อง บางเรื่องมีความอ่อนไหว การซ้อมแผนอพยพ ถ้าเห็นก็จะมองว่าขู่มีรบ หรือไงถึงซ้อมอพยพ เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องให้ทหารและความมั่นคงที่มีความรู้ความสามารถมาทำ นายกฯ อย่าพูดอะไรมากต้องให้ให้กำลังใจคนทำงาน และยืนเคียงข้างทหาร ให้อำนาจการตัดสินใจ เพราะต้องมีคนต้องเจรจา ต้องปลอบในเหตุการณ์นี้ ต้องแบ่งกันหลายหน้าที่ คนที่เป็นผู้นำประเทศจะเอามันเอาเสียงให้คนถูกใจไม่ได้ มีระบบการขัดแย้งระหว่างประเทศ คนเป็นนายกฯ ต้องเจรจาที่หลังอย่าให้คนเจรจาไปรบเอง

เมื่อถามว่า มี สว. ออกมาพูดถึงสถานการณ์บ้านหนองจาน ว่าฝ่ายไทยละเมิดสิทธิมนุษยชนนั้น นายชาดา ระบุว่า ตนพยายามมองสองด้าน คุณพูดไม่ผิด คุณเป็นนักสิทธิมนุษยชน แต่ไม่ควรพูดในเวลานี้และไม่ควรพูดแบบนี้ ต้องมีศิลปะในการพูด คนที่เขาทำงานอยู่ก็รักชาติ กัน จอมพลัง เอาเวลาไปทำมาหากินอย่างอื่นก็ได้แต่เขาก็ทำทุกอย่าง บางคนว่าเขาหิวแสง แต่เขาทำแล้วมีประโยชน์กับบ้านเมืองมีประโยชน์ทางทหารต้องยอมรับในการกระทำ ตนถือว่าเก่งหาเงินมาทำได้ มีคนให้ความเคารพความเชื่อใจ เขาเจตนาดีอย่าไปมองสิ่งนั้น

“คนที่ออกมาพูดไม่ควรพูดเวลานี้ และไม่ใช่พูดแบบนี้ อาจจะไม่เหมาะสมแต่พูดเหมือนเขาทำผิดเลวร้ายละเมิดสิทธิมนุษยชน ความรู้สึกตนสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องใหญ่ แต่นี่ยังไม่ได้ละเมิด เป็นสงครามจิตวิทยาดีกว่ารบด้วยอาวุธ คนจะพูดต้องรู้ว่าควรจะพูดแบบไหน ทหารกำลังปฏิบัติจิตวิทยา หน้าที่คุณปกป้องสิทธิแต่ไม่ใช่เวลานี้ ผิดเวลา ผิดที่ผิดทาง ผิดหัวใจคนไทยทั้งชาติ เหมือนคนพูดไม่รักประเทศไทย“

ข่าวที่เกี่ยวข้อง